BOQ คืออะไร สำคัญต่อการสร้างบ้านอย่างไร? ไม่อยากขาดทุนต้องรู้!!

BOQ คืออะไร สำคัญต่อการสร้างบ้านอย่างไร? ไม่อยากขาดทุนต้องรู้!!

ใครที่กำลังจะสร้างบ้านหรือมีแพลนกำลังจะสร้างบ้านอาจจะเคยได้ยินคำว่า “BOQ” กันมาบ้างแล้วแต่ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร และทำไมถึงสำคัญกับการสร้างบ้านของเราใช่ไหมครับ ต้องบอกก่อนว่าการสร้างบ้านไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากหากเตรียมการทำการบ้านมาดี อย่างที่ทราบกันดีครับว่าการสร้างบ้านมักจะมีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง ไม่ใช่แค่การเลือกแบบบ้านหรือเลือกวัสดุที่ชอบแล้วจบเลย แต่ยังเกี่ยวกับการจัดการงบประมาณที่ต้องควบคุมให้ดี ไม่ให้เกินกำลังที่ตั้งไว้ เพราะหากไม่มีการวางแผนอาจทำให้เราต้องเผชิญกับปัญหาค่าใช้จ่ายบานปลายจนน่าปวดใจ จากความคลาดเคลื่อนในการคำนวณ จนเกิดปัญหาขาดทุน หรืออาจตกลงราคากับผู้รับเหมาไม่ชัดเจนจนขัดแย้งกับผู้รับเหมาได้เลยครับ

“BOQ” หรือ “Bill of Quantities” เปรียบเสมือนการทำแผนที่สำหรับการสร้างบ้าน ที่ช่วยให้เราไม่หลงทาง เป็นเครื่องมือที่เป็นตัวช่วยสำหรับการสร้างบ้าน ในการแจกแจงให้เห็นถึงรายละเอียดของวัสดุ ค่าใช้จ่าย และการคำนวณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างทั้งหมดก่อนเริ่มโครงการ ตั้งแต่การเลือกวัสดุจนถึงค่าแรงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาค่าใช้จ่ายที่เกินงบประมาณ วัสดุไม่ตรงสเปค ดังนั้นเราจะมาคุยลึกถึงเรื่อง “BOQ” หรือ “Bill of Quantities” ที่ช่างหลายคนอาจยังไม่ได้บอกคุณครับ ว่าเจ้า BOQ คืออะไร มีประโยชน์ยังไงในการควบคุมงบประมาณการสร้างบ้าน แล้วทำไมเจ้าสิ่งนี้ถึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม 

BOQ คืออะไร

BOQ (Bill of Quantities) หรือที่เรียกว่ารายการปริมาณงานก่อสร้าง คือเอกสารที่ใช้ในการคำนวณ แสดงรายการวัสดุและค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการสร้างบ้าน หรือโครงการก่อสร้างต่าง ๆ โดยจะแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับวัสดุแต่ละประเภทที่ต้องใช้ จำนวนที่ต้องการ และค่าบริการต่าง ๆ รวมถึงการคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดในแต่ละส่วนของงานก่อสร้าง เช่น ค่าแรงงาน ค่าวัสดุ ค่าเครื่องมือ ซึ่งจะช่วยให้ผู้รับเหมาและเจ้าของโครงการสามารถประเมินราคาหรือค่าใช้จ่ายได้อย่างชัดเจนและแม่นยำ

โดยรวมแล้ว BOQ คือเครื่องมือที่ช่วยให้เรามั่นใจว่าเราจะไม่ขาดทุนหรือมีค่าใช้จ่ายเกินงบที่ตั้งไว้ ทำให้การสร้างบ้านเป็นไปตามแผนที่วางไว้ และสามารถควบคุมทุกอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าไม่อยากให้การสร้างบ้านของคุณกลายเป็นภาระที่เกินความคาดหมาย หรือมีปัญหาด้านงบประมาณในภายหลัง การทำ BOQ จึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญและใส่ใจตั้งแต่ต้นครับ 

จุดประสงค์หลักของการทำ BOQ คืออะไร

จุดประสงค์หลักของการทำ BOQ (Bill of Quantities) คือการช่วยให้เจ้าของโครงการและผู้รับเหมาตกลงกันได้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและรายละเอียดของงานที่ต้องทำในโครงการก่อสร้างโดยเฉพาะในการสร้างบ้าน ซึ่ง BOQ จะทำหน้าที่เหมือนแผนที่ ที่ช่วยแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับวัสดุ ปริมาณงาน และค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในแต่ละขั้นตอนของการก่อสร้าง โดยจุดประสงค์หลักของการทำ BOQ มีดังนี้ครับ

  • การคำนวณงบประมาณที่แม่นยำ 

ช่วยให้สามารถประเมินค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างได้อย่างชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งช่วยให้การควบคุมงบประมาณไม่ให้เกินกว่าที่วางไว้เป็นไปได้ง่ายขึ้น

  • ใช้เป็นราคากลางในการเปรียบเทียบราคา 

ช่วยให้เจ้าของโครงการสามารถขอราคาและเปรียบเทียบจากผู้รับเหมาต่าง ๆ และสามารถเลือกผู้รับเหมาที่เสนอราคาค่าก่อสร้างที่เหมาะสมที่สุดได้ก่อนทำสัญญา

  • การวางแผนงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

ช่วยให้การดำเนินการก่อสร้างเป็นไปอย่างราบรื่น เป็นระบบ ทำให้สามารถวางแผนการก่อสร้างได้อย่างมีขั้นตอนและชัดเจน

  • ตรวจสอบความคืบหน้าและการเบิกจ่ายเงิน

สามารถใช้ BOQ ช่วยในการตรวจสอบการทำงานของผู้รับเหมา ติดตามความคืบหน้าของงาน ว่าใช้วัสดุตรงตามสเปคที่ตกลงไว้ไหม และเป็นเอกสารอ้างอิงในการเบิกจ่ายเงินค่าก่อสร้างในแต่ละงวด

"BOQ" หรือ "Bill of Quantities" เปรียบเสมือนการทำแผนที่สำหรับการสร้างบ้าน ที่ช่วยให้เราไม่หลงทาง เป็นเครื่องมือที่เป็นตัวช่วยสำหรับการสร้างบ้าน ในการแจกแจงให้เห็นถึงรายละเอียดของวัสดุ ค่าใช้จ่าย

BOQ มีความสำคัญต่อการสร้างบ้าน หรืองานก่อสร้างอย่างไร

แน่นอนว่าสำหรับ BOQ มีความจำเป็นต่อการสร้างบ้านหรือโครงการก่อสร้างเป็นอย่างมากครับ เพราะมันเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวางแผนและบริหารจัดการโครงการให้เป็นไปอย่างราบรื่น โดยเฉพาะการควบคุมงบประมาณและการจัดการการทำงาน แต่ทราบไหมครับว่านอกจากนั้นยังมีประโยชน์อื่นอีกหลายด้าน ซึ่งขอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้ครับ 

  • ยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน

ทราบไหมครับว่าเจ้าเอกสารฉบับนี้แหละครับ ที่จะสามารถแปลงมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการก่อสร้างได้เลย ซึ่งสามารถยื่นขอสินเชื่อกู้ยืมจากธนาคารโดยใช้ BOQ เพื่อขออนุมัติวงเงินนั่นเองครับ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนดด้วยนะครับ 

  • ควบคุมงบประมาณและค่าใช้จ่าย

BOQ ช่วยให้เจ้าของโครงการสามารถประเมินค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนถึงสิ้นสุดการก่อสร้าง เพราะใน BOQ จะมีการแจกแจงปริมาณวัสดุ ค่าแรงงาน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละขั้นตอน การมี BOQ ที่ชัดเจนทำให้สามารถควบคุมงบประมาณได้ดี ไม่ให้เกิดการใช้จ่ายเกินงบประมาณที่ตั้งไว้

  • การเปรียบเทียบราคา

เมื่อมี BOQ ที่ชัดเจน เจ้าของโครงการสามารถขอราคาจากผู้รับเหมาได้อย่างตรงไปตรงมา การเปรียบเทียบราคาจากผู้รับเหมาต่าง ๆ จะง่ายขึ้น เพราะทุกคนจะอ้างอิงจาก BOQ ทำให้การเลือกผู้รับเหมาที่เหมาะสมไม่ยากและไม่เกิดความสับสนในการตกลงราคา 

  • ลดความขัดแย้งระหว่างเจ้าของโครงการและผู้รับเหมา

BOQ จะช่วยกำหนดรายละเอียดของงานอย่างชัดเจน ตั้งแต่ปริมาณวัสดุที่ต้องใช้และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังนั้นจะลดความขัดแย้งในภายหลังเกี่ยวกับราคาหรือสิ่งที่ต้องทำ เพราะทั้งเจ้าของโครงการและผู้รับเหมาต่างมีข้อมูลที่เหมือนกันและเป็นมาตรฐานเดียวกัน

  • การตรวจสอบและติดตามความคืบหน้า

เมื่อมีการทำ BOQ เจ้าของโครงการเองก็สามารถตรวจสอบความคืบหน้าของงานได้ง่ายขึ้น เพราะ BOQ จะบอกรายละเอียดของงานที่ต้องทำและวัสดุที่ต้องใช้ ซึ่งช่วยให้เจ้าของโครงการสามารถตรวจสอบได้ว่าเงินที่จ่ายไปสอดคล้องกับงานที่ได้ทำไปแล้วหรือไม่ สเปคของวัสดุตรงตามที่ตกลงหรือไม่

  • การลดความเสี่ยงในการทุจริตหรือการคิดราคาสูงเกินจริง

การทำ BOQ ช่วยให้เจ้าของโครงการและผู้รับเหมาเห็นภาพรวมของการก่อสร้างทั้งหมด ช่วยป้องกันปัญหาการคิดราคาสูงเกินจริงหรือการทุจริตจากผู้รับเหมา เพราะทุกอย่างมีการระบุรายละเอียดชัดเจนในเอกสารเดียว

ข้อดีของการทำ BOQ

ต้องบอกว่าสำหรับการทำ BOQ มีแต่ข้อดีเลยก็ว่าได้ครับ เรียกได้ว่าเป็นเหมือนลิสต์รายการของที่ต้องซื้อกับแผนงานในมือนั่นเองครับ หมดปัญหากลุ้มใจ ไม่ต้องมานั่งเครียดทีหลังว่า ทำไมแพงขนาดนี้ ทำไมเราไม่ทำแบบนี้ ซึ่งข้อดีหลัก ๆ มีดังนี้ครับ

  • ถ้าทำตามแบบแผนได้ตามเวลาที่กำหนดก็จะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ลดลง
  • ช่วยให้การทำงานเป็นไปได้อย่างราบลื่น เนื่องจากมีการระบุและแจกแจงรายละเอียด ปริมาณวัสดุ ราคาค่าใช้จ่ายทั้งหมดในงานไว้อย่างชัดเจน สามารถตรวจสอบการทำงานได้ง่ายขึ้น 
  • เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในงานได้อย่างเห็นภาพชัดเจน
  • เป็นตัวตัดสินความเป็นมืออาชีพของผู้รับเหมา เพราะผู้รับเหมาที่ดีควรมีการทำ BOQ เพื่อเสนอก่อนเสมอ
  • เป็นตัวช่วยในการวางแผนรับมือกับปัญหาที่อาจขึ้นในอนาคตได้
  • สามารถจัดสรรเวลาเพื่อหาวัสดุตามสเปคหรือตามความต้องการได้ในราคาที่คุ้มที่สุด 

ข้อดีของการทำ BOQ ถ้าทำตามแบบแผนได้ตามเวลาที่กำหนดก็จะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ลดลง ช่วยให้การทำงานเป็นไปได้อย่างราบลื่น เนื่องจากมีการระบุและแจกแจงรายละเอียด ปริมาณวัสดุ ราคาค่าใช้จ่ายทั้งหมดในงานไว้อย่างชัดเจน สามารถตรวจสอบการทำงานได้ง่ายขึ้น

หมวดหมู่ของ BOQ มีแบบไหนบ้าง

สำหรับหมวดหมู่ของ  BOQ จะถูกแบ่งออกเป็นหลายหมวดหมู่ตามลักษณะงาน ตามประเภทของการก่อสร้าง ดังนี้ 

  1. หมวดงานโครงสร้าง ซึ่งจะประกอบไปด้วย งานก่ออิฐ งานคอนกรีตและแบบหล่อ งานเหล็กเสริม งานพื้น งานเสาเข็มและงานฐานราก 
  2. หมวดสถาปัตยกรรม ประกอบไปด้วยงานผนังก่อและฉาบ งานฝ้าเพดาน งานหลังคาและวัสดุมุง งานสุขภัณฑ์ งานสี เป็นต้น
  3. หมวดงานระบบและการสื่อสาร ประกอบไปด้วยงานสุขาภิบาลและระบายน้ำ งานไฟฟ้า งานประปา งานท่อระบายน้ำ และระบบโทรคมนาคม
  4. หมวดงานควบคุมคุณภาพ อย่างการตรวจสอบความถูกต้องของงาน งานทดสอบวัสดุ งานทดสอบคอนกรีต
  5. หมวดงานความปลอดภัย เป็นการจัดการเกี่ยวกับความปลอดภัยในไซต์งาน การติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัย

เอกสาร BOQ ใครจะต้องเป็นคนทำ

เอกสารสำคัญในโครงการก่อสร้างอย่าง BOQ   เพื่อเสนอให้กับลูกค้าที่ต้องการดำเนินการก่อสร้าง หลายคนอาจจะสงสัยว่า ใครคือผู้ที่รับผิดชอบในการจัดทำเอกสารเหล่านี้ จริง ๆ แล้ว  BOQ เป็นรายการวัสดุ รวมถึงเป็นราคากลางที่ใช้ในการสร้างบ้าน ขึ้นอยู่กับลักษณะและขนาดของโครงการ ซึ่งไม่ใช่แบบฟอร์มทั่วไปที่มีตามท้องตลาด ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการคำนวณปริมาณงานและราคา ถ้าไม่มีความรู้ทางด้านนี้ต้องบอกว่าคงทำไม่ได้ครับ ดังนั้นหน้าที่นี้ต้องยกให้สำหรับคนที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในระดับนึง อ่านแบบเป็น ถอดแบบได้ดีกว่าครับ เพื่อลดข้อผิดพลาดเพราะเป็นเอกสารที่ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งสามารถให้วิศวกรโครงการ สถาปนิก ผู้รับเหมา หรือผู้ประเมินราคาทำก็ได้ครับ

วิธีการคำนวณ BOQ ด้วยตัวเอง

การคำนวณ BOQ สำหรับก่อสร้างบ้านด้วยตัวเองสามารถทำได้โดยเริ่มตั้งแต่การรวบรวมข้อมูลจนถึงการคำนวณปริมาณวัสดุและต้นทุน ดังนี้

  • ขั้นตอนที่ 1 รวบรวมเอกสารและข้อมูล ก่อนเริ่มคำนวณ BOQ ต้องมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงการ เช่น แบบแปลน รายละเอียดงาน ข้อกำหนดของโครงการ ข้อมูลวัสดุที่ใช้
  • ขั้นตอนที่ 2 จัดหมวดหมู่ โดยแยกประเภทงานออกเป็นหมวดหมู่ เพราะการก่อสร้างประกอบไปด้วยงานมากกว่า 1 หมวดหมู่ เช่น งานสถาปัตยกรรม งานโครงสร้าง งานบิ้วอิน
  • ขั้นตอนที่ 3 คำนวณพื้นที่หน้างาน โดยวัดพื้นที่ที่แน่นอนจากพื้นที่จริง เพื่อไม่ให้การคำนวณส่วนอื่น ๆ คลาดเคลื่อน จากนั้นจึงมาคำนวณงานในแต่ละประเภท ยกตัวอย่างเช่น
        • งานดิน : คำนวณจากปริมาตร (ลูกบาศก์เมตร)
          • ปริมาตร = ความยาว x ความกว้าง x ความลึก
        • งานคอนกรีต : คำนวณจากปริมาตร (ลูกบาศก์เมตร)
          • ปริมาตรคอนกรีต = ความยาว x ความกว้าง x ความสูง
        • งานปูพื้น : คำนวณจากพื้นที่ (ตารางเมตร)
          • พื้นที่ = ความยาว x ความกว้าง
        • งานทาสี : คำนวณจากพื้นที่ผิว (ตารางเมตร)
          • พื้นที่ผิว = ความสูง x ความยาว
  • ขั้นตอนที่ 4  คำนวณต้นทุนวัสดุ โดยใช้ราคาตลาด อาจสำรวจจากซัพพลายเออร์หลายแห่งเพื่อให้ได้ราคากลาง
  • ขั้นตอนที่ 5 คำนวณต้นทุนค่าแรง โดยการแยกประเภทแต่ละงาน เนื่องจากค่าแรงแต่ละงานจะไม่เท่ากัน และใช้จำนวนคนไม่เท่ากัน ซึ่งส่วนมากอาจคำนวณเป็นรายวัน หรือการเหมาจ่ายต่องานก็ได้ 
  • ขั้นตอนที่ 6 รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด เมื่อได้ต้นทุนวัสดุและต้นทุนแรงงานแล้วให้รวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน เพื่อหาต้นทุนรวมสำหรับแต่ละรายการใน BOQ

การจ่ายเกิน BOQ ที่กำหนดไว้ สามารถเกิดขึ้นได้หรือไม่

สำหรับการจ่ายเกินจากที่ BOQ กำหนดไว้สามารถเกิดขึ้นได้ครับ เนื่องจากในช่วงระหว่างดำเนินการก่อสร้างอาจมีการเปลี่ยนแปลงของราคาวัสดุ ค่าขนส่ง หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทางด้วยครับ จึงทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มเติม บางครั้งในการดำเนินการก่อสร้างอาจพบปัญหาหรือสถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ในตอนแรก เช่น ดินไม่เหมาะสมกับการก่อสร้างต้องขุดดินเพิ่ม หรือพบปัญหาจากสภาพอากาศที่ทำให้ต้องใช้วัสดุหรือแรงงานมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการจ่ายเกินจาก BOQ ดังนั้นเลยเตือนกันอยู่เสมอว่าทุกการก่อสร้างอย่าลืมเผื่อเงินสำรองในกรณีฉุกเฉินแบบนี้กันด้วยนะครับ จะได้ไม่ติดขัดในภายหลัง

การป้องกันการจ่ายเกิน BOQ ทำได้อย่างไร

คำตอบสามารถทำได้ตรงตัวเลยเลยครับ แค่ไม่เปลี่ยนแบบนอกเหนือจากที่อยู่ใน BOQ เท่านี้ก็สามารถช่วยเซฟค่าใช้จ่ายส่วนเกินไปได้แล้วครับ นอกจากนั้นก็อาจเป็นการเผื่อเงินในส่วนอื่นแทนก็ได้ครับ แต่หากในกรณีที่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนอกเหนือจากแบบจริง ๆ ทั้งสองฝ่ายเองก็ไม่ควรตกลงปากเปล่านะครับ ทางที่ดีควรทำเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในภายหลังดีที่สุดครับ

BOQ เป็นรายการวัสดุ รวมถึงเป็นราคากลางที่ใช้ในการสร้างบ้าน ขึ้นอยู่กับลักษณะและขนาดของโครงการ ซึ่งไม่ใช่แบบฟอร์มทั่วไปที่มีตามท้องตลาด ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการคำนวณปริมาณงานและราคา

สรุปเกี่ยวกับ  BOQ 

การเริ่มต้นโครงการก่อสร้างไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก ต่อเติมครัวหลังบ้าน ต่อเติมห้องอเนกประสงค์ หรือต่อเติมโรงรถ สิ่งที่สำคัญมาก ๆ คือการวางแผนงานคำนวณต้นทุนและการจัดการงานที่ชัดเจน ซึ่งเอกสาร BOQ คือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้การก่อสร้างเป็นไปได้อย่างราบรื่น เพราะเป็นเอกสารที่รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดของงานที่ต้องทำในโครงการ รวมถึงวัสดุ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ การมี BOQ จะช่วยให้เราควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น และช่วยให้การบริหารงานในโครงการไม่เกิดปัญหาภายหลัง สามารถควบคุมงบประมาณได้ไม่ให้เกินงบที่ตั้งไว้ ลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้รับเหมาและเจ้าของโครงการ รวมถึงช่วยในการตรวจสอบ และติดตามความคืบหน้าของงานก่อสร้างได้อีกด้วย

“ADDZestHome” เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านงานต่อเติมบ้านครบวงจร รับต่อเติมบ้าน ด้วยทีมงานมืออาชีพและช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมดูแลทุกขั้นตอนเพื่อให้บ้านของคุณตอบโจทย์การใช้งานและความสวยงาม มีประสบการณ์ต่อเติมบ้านครบวงจรในประเทศไทยเรายินดีให้บริการงานต่อเติมบ้านสำหรับบ้านทุกแบบ ทั้งทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว และบ้านแฝด ด้วยประสบการณ์ต่อเติมบ้านกว่า 300 หลัง ทีมงานมืออาชีพของเราพร้อมส่งมอบงานคุณภาพ หมดกังวลกับปัญหาช่างทิ้งงาน อัปเดตงานทุกระยะการต่อเติม เจ้าของบ้านสามารถดูความคืบหน้างานได้ผ่านทางไลน์ พร้อมรับประกันหลังการขาย 1 ปี จบทุกปัญหาจุกจิก งบไม่บานปลาย ได้งานตรงปกไม่จกตา เพื่อขอบคุณและตอบแทนที่ให้โอกาสเราต่อเติมบ้านในฝันของคุณให้เป็นจริงครับ

ติดต่อเรา

ADDZestHome ยืนหนึ่งเรื่องงานต่อเติมทาวน์โฮม

เรายินดีให้บริการต่อเติมบ้านครบวงจรโดยทีมงานคุณภาพ ไม่มีประวัติทิ้งงาน พร้อมรับประกันผลงานหลังต่อเติม

Scroll to Top