ใครที่กำลังจะสร้างบ้านหรือมีแพลนกำลังจะสร้างบ้านอาจจะเคยได้ยินคำว่า “BOQ” กันมาบ้างแล้วแต่ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร และทำไมถึงสำคัญกับการสร้างบ้านของเราใช่ไหมครับ ต้องบอกก่อนว่าการสร้างบ้านไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากหากเตรียมการทำการบ้านมาดี อย่างที่ทราบกันดีครับว่าการสร้างบ้านมักจะมีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง ไม่ใช่แค่การเลือกแบบบ้านหรือเลือกวัสดุที่ชอบแล้วจบเลย แต่ยังเกี่ยวกับการจัดการงบประมาณที่ต้องควบคุมให้ดี ไม่ให้เกินกำลังที่ตั้งไว้ เพราะหากไม่มีการวางแผนอาจทำให้เราต้องเผชิญกับปัญหาค่าใช้จ่ายบานปลายจนน่าปวดใจ จากความคลาดเคลื่อนในการคำนวณ จนเกิดปัญหาขาดทุน หรืออาจตกลงราคากับผู้รับเหมาไม่ชัดเจนจนขัดแย้งกับผู้รับเหมาได้เลยครับ
“BOQ” หรือ “Bill of Quantities” เปรียบเสมือนการทำแผนที่สำหรับการสร้างบ้าน ที่ช่วยให้เราไม่หลงทาง เป็นเครื่องมือที่เป็นตัวช่วยสำหรับการสร้างบ้าน ในการแจกแจงให้เห็นถึงรายละเอียดของวัสดุ ค่าใช้จ่าย และการคำนวณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างทั้งหมดก่อนเริ่มโครงการ ตั้งแต่การเลือกวัสดุจนถึงค่าแรงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาค่าใช้จ่ายที่เกินงบประมาณ วัสดุไม่ตรงสเปค ดังนั้นเราจะมาคุยลึกถึงเรื่อง “BOQ” หรือ “Bill of Quantities” ที่ช่างหลายคนอาจยังไม่ได้บอกคุณครับ ว่าเจ้า BOQ คืออะไร มีประโยชน์ยังไงในการควบคุมงบประมาณการสร้างบ้าน แล้วทำไมเจ้าสิ่งนี้ถึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
BOQ คืออะไร
BOQ (Bill of Quantities) หรือที่เรียกว่ารายการปริมาณงานก่อสร้าง คือเอกสารที่ใช้ในการคำนวณ แสดงรายการวัสดุและค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการสร้างบ้าน หรือโครงการก่อสร้างต่าง ๆ โดยจะแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับวัสดุแต่ละประเภทที่ต้องใช้ จำนวนที่ต้องการ และค่าบริการต่าง ๆ รวมถึงการคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดในแต่ละส่วนของงานก่อสร้าง เช่น ค่าแรงงาน ค่าวัสดุ ค่าเครื่องมือ ซึ่งจะช่วยให้ผู้รับเหมาและเจ้าของโครงการสามารถประเมินราคาหรือค่าใช้จ่ายได้อย่างชัดเจนและแม่นยำ
โดยรวมแล้ว BOQ คือเครื่องมือที่ช่วยให้เรามั่นใจว่าเราจะไม่ขาดทุนหรือมีค่าใช้จ่ายเกินงบที่ตั้งไว้ ทำให้การสร้างบ้านเป็นไปตามแผนที่วางไว้ และสามารถควบคุมทุกอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าไม่อยากให้การสร้างบ้านของคุณกลายเป็นภาระที่เกินความคาดหมาย หรือมีปัญหาด้านงบประมาณในภายหลัง การทำ BOQ จึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญและใส่ใจตั้งแต่ต้นครับ
จุดประสงค์หลักของการทำ BOQ คืออะไร
จุดประสงค์หลักของการทำ BOQ (Bill of Quantities) คือการช่วยให้เจ้าของโครงการและผู้รับเหมาตกลงกันได้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและรายละเอียดของงานที่ต้องทำในโครงการก่อสร้างโดยเฉพาะในการสร้างบ้าน ซึ่ง BOQ จะทำหน้าที่เหมือนแผนที่ ที่ช่วยแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับวัสดุ ปริมาณงาน และค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในแต่ละขั้นตอนของการก่อสร้าง โดยจุดประสงค์หลักของการทำ BOQ มีดังนี้ครับ
- การคำนวณงบประมาณที่แม่นยำ
ช่วยให้สามารถประเมินค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างได้อย่างชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งช่วยให้การควบคุมงบประมาณไม่ให้เกินกว่าที่วางไว้เป็นไปได้ง่ายขึ้น
- ใช้เป็นราคากลางในการเปรียบเทียบราคา
ช่วยให้เจ้าของโครงการสามารถขอราคาและเปรียบเทียบจากผู้รับเหมาต่าง ๆ และสามารถเลือกผู้รับเหมาที่เสนอราคาค่าก่อสร้างที่เหมาะสมที่สุดได้ก่อนทำสัญญา
- การวางแผนงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ช่วยให้การดำเนินการก่อสร้างเป็นไปอย่างราบรื่น เป็นระบบ ทำให้สามารถวางแผนการก่อสร้างได้อย่างมีขั้นตอนและชัดเจน
- ตรวจสอบความคืบหน้าและการเบิกจ่ายเงิน
สามารถใช้ BOQ ช่วยในการตรวจสอบการทำงานของผู้รับเหมา ติดตามความคืบหน้าของงาน ว่าใช้วัสดุตรงตามสเปคที่ตกลงไว้ไหม และเป็นเอกสารอ้างอิงในการเบิกจ่ายเงินค่าก่อสร้างในแต่ละงวด
BOQ มีความสำคัญต่อการสร้างบ้าน หรืองานก่อสร้างอย่างไร
แน่นอนว่าสำหรับ BOQ มีความจำเป็นต่อการสร้างบ้านหรือโครงการก่อสร้างเป็นอย่างมากครับ เพราะมันเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวางแผนและบริหารจัดการโครงการให้เป็นไปอย่างราบรื่น โดยเฉพาะการควบคุมงบประมาณและการจัดการการทำงาน แต่ทราบไหมครับว่านอกจากนั้นยังมีประโยชน์อื่นอีกหลายด้าน ซึ่งขอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้ครับ
- ยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน
ทราบไหมครับว่าเจ้าเอกสารฉบับนี้แหละครับ ที่จะสามารถแปลงมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการก่อสร้างได้เลย ซึ่งสามารถยื่นขอสินเชื่อกู้ยืมจากธนาคารโดยใช้ BOQ เพื่อขออนุมัติวงเงินนั่นเองครับ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนดด้วยนะครับ
- ควบคุมงบประมาณและค่าใช้จ่าย
BOQ ช่วยให้เจ้าของโครงการสามารถประเมินค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนถึงสิ้นสุดการก่อสร้าง เพราะใน BOQ จะมีการแจกแจงปริมาณวัสดุ ค่าแรงงาน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละขั้นตอน การมี BOQ ที่ชัดเจนทำให้สามารถควบคุมงบประมาณได้ดี ไม่ให้เกิดการใช้จ่ายเกินงบประมาณที่ตั้งไว้
- การเปรียบเทียบราคา
เมื่อมี BOQ ที่ชัดเจน เจ้าของโครงการสามารถขอราคาจากผู้รับเหมาได้อย่างตรงไปตรงมา การเปรียบเทียบราคาจากผู้รับเหมาต่าง ๆ จะง่ายขึ้น เพราะทุกคนจะอ้างอิงจาก BOQ ทำให้การเลือกผู้รับเหมาที่เหมาะสมไม่ยากและไม่เกิดความสับสนในการตกลงราคา
- ลดความขัดแย้งระหว่างเจ้าของโครงการและผู้รับเหมา
BOQ จะช่วยกำหนดรายละเอียดของงานอย่างชัดเจน ตั้งแต่ปริมาณวัสดุที่ต้องใช้และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังนั้นจะลดความขัดแย้งในภายหลังเกี่ยวกับราคาหรือสิ่งที่ต้องทำ เพราะทั้งเจ้าของโครงการและผู้รับเหมาต่างมีข้อมูลที่เหมือนกันและเป็นมาตรฐานเดียวกัน
- การตรวจสอบและติดตามความคืบหน้า
เมื่อมีการทำ BOQ เจ้าของโครงการเองก็สามารถตรวจสอบความคืบหน้าของงานได้ง่ายขึ้น เพราะ BOQ จะบอกรายละเอียดของงานที่ต้องทำและวัสดุที่ต้องใช้ ซึ่งช่วยให้เจ้าของโครงการสามารถตรวจสอบได้ว่าเงินที่จ่ายไปสอดคล้องกับงานที่ได้ทำไปแล้วหรือไม่ สเปคของวัสดุตรงตามที่ตกลงหรือไม่
- การลดความเสี่ยงในการทุจริตหรือการคิดราคาสูงเกินจริง
การทำ BOQ ช่วยให้เจ้าของโครงการและผู้รับเหมาเห็นภาพรวมของการก่อสร้างทั้งหมด ช่วยป้องกันปัญหาการคิดราคาสูงเกินจริงหรือการทุจริตจากผู้รับเหมา เพราะทุกอย่างมีการระบุรายละเอียดชัดเจนในเอกสารเดียว
ข้อดีของการทำ BOQ
ต้องบอกว่าสำหรับการทำ BOQ มีแต่ข้อดีเลยก็ว่าได้ครับ เรียกได้ว่าเป็นเหมือนลิสต์รายการของที่ต้องซื้อกับแผนงานในมือนั่นเองครับ หมดปัญหากลุ้มใจ ไม่ต้องมานั่งเครียดทีหลังว่า ทำไมแพงขนาดนี้ ทำไมเราไม่ทำแบบนี้ ซึ่งข้อดีหลัก ๆ มีดังนี้ครับ
- ถ้าทำตามแบบแผนได้ตามเวลาที่กำหนดก็จะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ลดลง
- ช่วยให้การทำงานเป็นไปได้อย่างราบลื่น เนื่องจากมีการระบุและแจกแจงรายละเอียด ปริมาณวัสดุ ราคาค่าใช้จ่ายทั้งหมดในงานไว้อย่างชัดเจน สามารถตรวจสอบการทำงานได้ง่ายขึ้น
- เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในงานได้อย่างเห็นภาพชัดเจน
- เป็นตัวตัดสินความเป็นมืออาชีพของผู้รับเหมา เพราะผู้รับเหมาที่ดีควรมีการทำ BOQ เพื่อเสนอก่อนเสมอ
- เป็นตัวช่วยในการวางแผนรับมือกับปัญหาที่อาจขึ้นในอนาคตได้
- สามารถจัดสรรเวลาเพื่อหาวัสดุตามสเปคหรือตามความต้องการได้ในราคาที่คุ้มที่สุด
หมวดหมู่ของ BOQ มีแบบไหนบ้าง
สำหรับหมวดหมู่ของ BOQ จะถูกแบ่งออกเป็นหลายหมวดหมู่ตามลักษณะงาน ตามประเภทของการก่อสร้าง ดังนี้
- หมวดงานโครงสร้าง ซึ่งจะประกอบไปด้วย งานก่ออิฐ งานคอนกรีตและแบบหล่อ งานเหล็กเสริม งานพื้น งานเสาเข็มและงานฐานราก
- หมวดสถาปัตยกรรม ประกอบไปด้วยงานผนังก่อและฉาบ งานฝ้าเพดาน งานหลังคาและวัสดุมุง งานสุขภัณฑ์ งานสี เป็นต้น
- หมวดงานระบบและการสื่อสาร ประกอบไปด้วยงานสุขาภิบาลและระบายน้ำ งานไฟฟ้า งานประปา งานท่อระบายน้ำ และระบบโทรคมนาคม
- หมวดงานควบคุมคุณภาพ อย่างการตรวจสอบความถูกต้องของงาน งานทดสอบวัสดุ งานทดสอบคอนกรีต
- หมวดงานความปลอดภัย เป็นการจัดการเกี่ยวกับความปลอดภัยในไซต์งาน การติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัย
เอกสาร BOQ ใครจะต้องเป็นคนทำ
เอกสารสำคัญในโครงการก่อสร้างอย่าง BOQ เพื่อเสนอให้กับลูกค้าที่ต้องการดำเนินการก่อสร้าง หลายคนอาจจะสงสัยว่า ใครคือผู้ที่รับผิดชอบในการจัดทำเอกสารเหล่านี้ จริง ๆ แล้ว BOQ เป็นรายการวัสดุ รวมถึงเป็นราคากลางที่ใช้ในการสร้างบ้าน ขึ้นอยู่กับลักษณะและขนาดของโครงการ ซึ่งไม่ใช่แบบฟอร์มทั่วไปที่มีตามท้องตลาด ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการคำนวณปริมาณงานและราคา ถ้าไม่มีความรู้ทางด้านนี้ต้องบอกว่าคงทำไม่ได้ครับ ดังนั้นหน้าที่นี้ต้องยกให้สำหรับคนที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในระดับนึง อ่านแบบเป็น ถอดแบบได้ดีกว่าครับ เพื่อลดข้อผิดพลาดเพราะเป็นเอกสารที่ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งสามารถให้วิศวกรโครงการ สถาปนิก ผู้รับเหมา หรือผู้ประเมินราคาทำก็ได้ครับ
วิธีการคำนวณ BOQ ด้วยตัวเอง
การคำนวณ BOQ สำหรับก่อสร้างบ้านด้วยตัวเองสามารถทำได้โดยเริ่มตั้งแต่การรวบรวมข้อมูลจนถึงการคำนวณปริมาณวัสดุและต้นทุน ดังนี้
- ขั้นตอนที่ 1 รวบรวมเอกสารและข้อมูล ก่อนเริ่มคำนวณ BOQ ต้องมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงการ เช่น แบบแปลน รายละเอียดงาน ข้อกำหนดของโครงการ ข้อมูลวัสดุที่ใช้
- ขั้นตอนที่ 2 จัดหมวดหมู่ โดยแยกประเภทงานออกเป็นหมวดหมู่ เพราะการก่อสร้างประกอบไปด้วยงานมากกว่า 1 หมวดหมู่ เช่น งานสถาปัตยกรรม งานโครงสร้าง งานบิ้วอิน
- ขั้นตอนที่ 3 คำนวณพื้นที่หน้างาน โดยวัดพื้นที่ที่แน่นอนจากพื้นที่จริง เพื่อไม่ให้การคำนวณส่วนอื่น ๆ คลาดเคลื่อน จากนั้นจึงมาคำนวณงานในแต่ละประเภท ยกตัวอย่างเช่น
-
-
- งานดิน : คำนวณจากปริมาตร (ลูกบาศก์เมตร)
- ปริมาตร = ความยาว x ความกว้าง x ความลึก
- งานดิน : คำนวณจากปริมาตร (ลูกบาศก์เมตร)
-
-
-
-
-
- งานคอนกรีต : คำนวณจากปริมาตร (ลูกบาศก์เมตร)
- ปริมาตรคอนกรีต = ความยาว x ความกว้าง x ความสูง
- งานคอนกรีต : คำนวณจากปริมาตร (ลูกบาศก์เมตร)
-
-
-
-
-
- งานปูพื้น : คำนวณจากพื้นที่ (ตารางเมตร)
- พื้นที่ = ความยาว x ความกว้าง
- งานปูพื้น : คำนวณจากพื้นที่ (ตารางเมตร)
-
-
-
-
-
- งานทาสี : คำนวณจากพื้นที่ผิว (ตารางเมตร)
- พื้นที่ผิว = ความสูง x ความยาว
- งานทาสี : คำนวณจากพื้นที่ผิว (ตารางเมตร)
-
-
- ขั้นตอนที่ 4 คำนวณต้นทุนวัสดุ โดยใช้ราคาตลาด อาจสำรวจจากซัพพลายเออร์หลายแห่งเพื่อให้ได้ราคากลาง
- ขั้นตอนที่ 5 คำนวณต้นทุนค่าแรง โดยการแยกประเภทแต่ละงาน เนื่องจากค่าแรงแต่ละงานจะไม่เท่ากัน และใช้จำนวนคนไม่เท่ากัน ซึ่งส่วนมากอาจคำนวณเป็นรายวัน หรือการเหมาจ่ายต่องานก็ได้
- ขั้นตอนที่ 6 รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด เมื่อได้ต้นทุนวัสดุและต้นทุนแรงงานแล้วให้รวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน เพื่อหาต้นทุนรวมสำหรับแต่ละรายการใน BOQ
การจ่ายเกิน BOQ ที่กำหนดไว้ สามารถเกิดขึ้นได้หรือไม่
สำหรับการจ่ายเกินจากที่ BOQ กำหนดไว้สามารถเกิดขึ้นได้ครับ เนื่องจากในช่วงระหว่างดำเนินการก่อสร้างอาจมีการเปลี่ยนแปลงของราคาวัสดุ ค่าขนส่ง หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทางด้วยครับ จึงทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มเติม บางครั้งในการดำเนินการก่อสร้างอาจพบปัญหาหรือสถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ในตอนแรก เช่น ดินไม่เหมาะสมกับการก่อสร้างต้องขุดดินเพิ่ม หรือพบปัญหาจากสภาพอากาศที่ทำให้ต้องใช้วัสดุหรือแรงงานมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการจ่ายเกินจาก BOQ ดังนั้นเลยเตือนกันอยู่เสมอว่าทุกการก่อสร้างอย่าลืมเผื่อเงินสำรองในกรณีฉุกเฉินแบบนี้กันด้วยนะครับ จะได้ไม่ติดขัดในภายหลัง
การป้องกันการจ่ายเกิน BOQ ทำได้อย่างไร
คำตอบสามารถทำได้ตรงตัวเลยเลยครับ แค่ไม่เปลี่ยนแบบนอกเหนือจากที่อยู่ใน BOQ เท่านี้ก็สามารถช่วยเซฟค่าใช้จ่ายส่วนเกินไปได้แล้วครับ นอกจากนั้นก็อาจเป็นการเผื่อเงินในส่วนอื่นแทนก็ได้ครับ แต่หากในกรณีที่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนอกเหนือจากแบบจริง ๆ ทั้งสองฝ่ายเองก็ไม่ควรตกลงปากเปล่านะครับ ทางที่ดีควรทำเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในภายหลังดีที่สุดครับ
สรุปเกี่ยวกับ BOQ
การเริ่มต้นโครงการก่อสร้างไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก ต่อเติมครัวหลังบ้าน ต่อเติมห้องอเนกประสงค์ หรือต่อเติมโรงรถ สิ่งที่สำคัญมาก ๆ คือการวางแผนงานคำนวณต้นทุนและการจัดการงานที่ชัดเจน ซึ่งเอกสาร BOQ คือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้การก่อสร้างเป็นไปได้อย่างราบรื่น เพราะเป็นเอกสารที่รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดของงานที่ต้องทำในโครงการ รวมถึงวัสดุ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ การมี BOQ จะช่วยให้เราควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น และช่วยให้การบริหารงานในโครงการไม่เกิดปัญหาภายหลัง สามารถควบคุมงบประมาณได้ไม่ให้เกินงบที่ตั้งไว้ ลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้รับเหมาและเจ้าของโครงการ รวมถึงช่วยในการตรวจสอบ และติดตามความคืบหน้าของงานก่อสร้างได้อีกด้วย
“ADDZestHome” เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านงานต่อเติมบ้านครบวงจร รับต่อเติมบ้าน ด้วยทีมงานมืออาชีพและช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมดูแลทุกขั้นตอนเพื่อให้บ้านของคุณตอบโจทย์การใช้งานและความสวยงาม มีประสบการณ์ต่อเติมบ้านครบวงจรในประเทศไทยเรายินดีให้บริการงานต่อเติมบ้านสำหรับบ้านทุกแบบ ทั้งทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว และบ้านแฝด ด้วยประสบการณ์ต่อเติมบ้านกว่า 300 หลัง ทีมงานมืออาชีพของเราพร้อมส่งมอบงานคุณภาพ หมดกังวลกับปัญหาช่างทิ้งงาน อัปเดตงานทุกระยะการต่อเติม เจ้าของบ้านสามารถดูความคืบหน้างานได้ผ่านทางไลน์ พร้อมรับประกันหลังการขาย 1 ปี จบทุกปัญหาจุกจิก งบไม่บานปลาย ได้งานตรงปกไม่จกตา เพื่อขอบคุณและตอบแทนที่ให้โอกาสเราต่อเติมบ้านในฝันของคุณให้เป็นจริงครับ