ไอเดียต่อเติมห้องทำงานที่บ้าน (Home Office) ให้นั่งทำงานได้ทั้งวัน

ในยุคที่ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตทุกอย่างเปลี่ยนไปไวแบบก้าวกระโดด แม้กระทั้งการทำงาน ช่วงไม่กี่ปีมานี่จะเห็นได้ว่าหลายบริษัท ไม่จำเป็นต้องทำงานอยู่แค่ในออฟฟิศเสมอไปแล้วครับ ปัจจุบันหลายคนเริ่มทำงานแบบ Work From Home กันมากขึ้น บางคนเป็นฟรีแลนซ์ บางคนบริษัทปรับเป็นระบบ Hybrid หรือ Remote แบบเต็มตัว ซึ่งแน่นอนว่าทำงานที่บ้านนี่มันสะดวกก็จริง แต่จะให้มานั่งเกร็งกับมุมเดิม ๆ ในบ้านที่แคบ ๆ หรือมีเสียงรบกวน ก็คงไม่ไหวใช่ไหมครับ บางคนทำงานที่บ้านทุกวันเข้าก็เริ่มรู้เลย ว่าโต๊ะกินข้าวอาจไม่ใช่มุมที่เวิร์กที่สุดในการนั่งทำงานระยะยาว ไหนจะเสียงหมาเห่า เสียงคนในบ้าน หรือแม้แต่แสงที่สะท้อนหน้าจอจนแสบตา กลายเป็นว่าจากบ้านที่ควรจะสบาย กลับทำให้เราเครียดแบบไม่รู้ตัวเลยครับ 

นี่แหละครับที่ทำให้หลายคนเริ่มมองหามุมทำงานจริงจัง ที่ไม่ใช่แค่มุมโต๊ะกาแฟปลายเตียง หรือชั้นวางหนังสือข้างตู้เย็น แต่เป็นพื้นที่ที่เราอยู่แล้วโฟกัสได้จริง มีความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องคอยลุ้นว่าเสียงคนในบ้านจะหลุดเข้าไมค์ตอนประชุมหรือเปล่า ซึ่งทั้งหมดนี้แหละครับคือเหตุผลที่ควร ” ต่อเติมห้องทำงาน ” ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ในบทความนี้เราได้รวมไอเดียต่อเติมห้องทำงานที่บ้าน (Home Office) ให้ใช้งานได้จริง น่านั่ง พร้อมเทคนิคกันเสียง เพิ่มสมาธิ ตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่มาฝากกันครับ รับรองว่าได้ห้องทำงานในฝันที่ตอบโจทย์ แถมยังเพิ่มบรรยากาศในห้องทำงาน ให้คุณอยากลุกมานั่งทำงานทุกวันเลยครับ 

ทำไมคนยุคนี้ถึงนิยมต่อเติมห้องทำงานที่บ้าน?

ต้องบอกเลยครับว่าคนยุคนี้หันมาสนใจต่อเติมห้องทำงานที่บ้านกันเยอะขึ้น เพราะด้วยไลฟ์สไตล์การทำงานเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ทำให้เราเองก็ต้องปรับตัวให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้มากที่สุด ซึ่งเห็นได้ชัดว่าส่วนใหญ่คนที่ WFH ชอบไปนั่นทำงานตามร้านคาเฟ่เงียบ ๆ นั่นก็เพราะ พื้นที่และบรรยากาศที่บ้าน มันไม่เอื้ออำนวยต่อการทำงานยังไงล่ะครับ 

การนั่งทำงานที่โต๊ะกินข้าวหรือมุมโซฟาในห้องนั่งเล่น บางทีก็มีทั้งเสียงคนในบ้านตะโกนเรียกไปกินข้าว เสียงรถที่ผ่านหน้าบ้าน หรือแค่แสงที่ไม่พอดีก็ทำให้โฟกัสยากแล้ว การต่อเติมห้องทำงานที่บ้านเลยกลายเป็นทางออกที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนยุคใหม่ที่สุดครับ เพราะมันทำให้เรามีสเปซที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานโดยเฉพาะ ช่วยแยกโหมดชีวิตส่วนตัวกับโหมดงานได้ชัดเจน แถมยังได้มุมที่ทั้งน่านั่ง แถมยังสะท้อนสไตล์ของเรา เหมือนมีออฟฟิศส่วนตัว ที่ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยครับ

อีกเหตุผลที่คนยุคนี้นิยมต่อเติมห้องทำงาน คือ เรื่องสมาธิและ productivity ที่พุ่งปรี๊ด เมื่อมีพื้นที่เหมาะ ๆ ครับ ลองนึกถึงตอนประชุมออนไลน์แต่ต้องคอยปิดไมค์เพราะได้ยินเสียงเพื่อนบ้านตะโกนคุยกัน หรือเสียงเด็ก ๆ วิ่งเล่นในบ้าน มันขัดจังหวะจนเสียอารมณ์ทำงานเลยใช่ไหม การมีห้องทำงานที่กันเสียงได้ดี ช่วยตัดสิ่งรบกวนพวกนี้ออกไป บอกเลยว่านั่งทำงานได้ยาว ๆ ไม่มีอะไรมาทำให้หลุดโฟกัส แถมการจัดห้องให้ลงตัว ทั้งการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ใช่ หรือตกแต่งให้รู้สึกสบายใจ ยังช่วยให้เรามีพลังทำงานมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ห้องทำงานที่ออกแบบดียังเพิ่มมูลค่าให้บ้านในระยะยาวได้นะ วันนี้อาจใช้เป็นที่ทำงาน แต่ในอนาคตจะปรับเป็นห้องอ่านหนังสือ ห้องออกกำลังกาย หรือสตูดิโอส่วนตัวก็ยังได้ เรียกว่าเป็นการลงทุนที่ทั้งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ WFH และ Hybrid Work แถมยังคุ้มค่าสุด ๆ ช่วยบาลานซ์ชีวิตกับงานได้ดีขึ้นอีกด้วยครับ

วางแผนก่อนต่อเติมห้องทำงาน

หลายคนที่เห็นแล้วว่าห้องทำงานตอบโจทย์ได้มากขนาดไหน คงเริ่มมีความคิดอยากจะต่อเติมกันแล้วใช่ไหมครับ แต่ก่อนจะลุยต่อเติมห้องทำงานที่บ้าน สิ่งแรกที่ควรทำคือ วางแผนให้ครอบคลุมทุกด้านก่อนนะครับ อย่าเพิ่งใจร้อนไป เพราะไม่ใช่แค่เรื่องดีไซน์สวย ๆ แต่ต้องคิดให้ครบตั้งแต่ตำแหน่ง พื้นที่ใช้สอย ไปจนถึงเรื่องรายละเอียดยิบย่อยที่หลายคนมองข้าม ซึ่งถ้าใครทำการบ้านมาดีตั้งแต่ต้น จะช่วยประหยัดทั้งเวลาและงบในระยะยาวได้เยอะเลยครับ มาดูกันดีกว่าครับว่ามีอะไรบ้าง

• เลือกพื้นที่ให้เหมาะกับการใช้งาน

พื้นที่ที่เหมาะสำหรับต่อเติมห้องทำงานอาจเป็น ข้างบ้าน หลังบ้าน ชั้นล่างที่ไม่ค่อยได้ใช้ หรือแม้แต่ห้องเก่าที่ดัดแปลงได้ เช่น ห้องเก็บของหรือห้องนอนว่าง จุดสำคัญคือควรเป็นโซนที่เงียบ ไม่ติดพื้นที่ใช้งานร่วมกับสมาชิกคนอื่นมากนัก ยิ่งถ้าคุณต้องประชุมออนไลน์บ่อย ๆ หรือจำเป็นต้องใช้สมาธิเยอะ การแยกพื้นที่จากโซนหลักของบ้านจะช่วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ 

ข้างบ้าน : ได้ความเป็นส่วนตัวและแสงธรรมชาติ แต่ต้องเช็กเรื่องระยะร่น และระวังเรื่องน้ำท่วมขังถ้าพื้นที่ต่ำด้วยนะครับ

หลังบ้าน : เงียบสงบ รบกวนคนในบ้านน้อยกว่า แต่ต้องคำนึงถึงการระบายอากาศ ยิ่งถ้าติดกับครัวหรือห้องน้ำ อาจมีกลิ่นรบกวนได้

พื้นที่ว่างในบ้าน : เช่น ห้องเก็บของหรือมุมใต้บันได ประหยัดงบ ไม่ต้องต่อเติมโครงสร้างใหม่ แต่ข้อจำกัดเยอะ ต้องวางแผนเรื่องแสง และการระบายอากาศให้ดี

เคล็ดลับ คือ วัดขนาดพื้นที่ให้ชัดเจน แนะนำอย่างน้อย 2×3 เมตร สำหรับห้องทำงานเดี่ยว และคำนึงถึงการใช้งานด้วยนะครับ เช่น ชั้นวางของ หรือพื้นที่สำหรับอุปกรณ์เพิ่มเติม ที่สำคัญอย่าลืมเช็คกฎหมายต่อเติมด้วยนะครับ

• ทิศทางแสงธรรมชาติ ตำแหน่งแอร์ และปลั๊ก

ห้องทำงานที่มี แสงธรรมชาติส่องเข้าพอดี ไม่จ้าเกินไป จะช่วยถนอมสายตา ลดความอึดอัด และสร้างบรรยากาศที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ได้มากกว่าห้องทึบครับ ส่วนเรื่องแอร์ก็ต้องดูทิศทางลมไม่ให้เป่าตรงตัวเกินไป ถ้าไม่อยากจามทุกประชุม และปลั๊กไฟควรวางในตำแหน่งที่สะดวก ไม่ต้องลากสายพันกันเต็มพื้น ที่สำคัญต้องมีเพียงพอสำหรับต่ออุปกรณ์เพิ่มเติมอย่างพวกคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องปริ๊นซ์ด้วยนะครับ 

• เช็กโครงสร้างเดิมว่ารับน้ำหนักหรือเสียงได้ดีแค่ไหน

ถ้าเป็นการต่อเติมจากโครงสร้างบ้านเดิม ต้องดูว่าพื้นที่นั้นรับน้ำหนักได้มากน้อยแค่ไหน เช่น ถ้าอยู่บนชั้นสอง ควรปรึกษาช่างเรื่องน้ำหนักของเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะทำงาน หรือชั้นหนังสือขนาดใหญ่ อีกเรื่องที่สำคัญคือ การกันเสียง โดยเฉพาะถ้าผนังเดิมบาง หรืออยู่ติดโซนเสียงดังของบ้าน เช่น ห้องครัวหรือห้องนั่งเล่น ควรวางแผนเพิ่มฉนวนกันเสียงตั้งแต่แรก เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศตอนทำงานด้วยนะครับ 

ไอเดียต่อเติมห้องทำงานให้น่าใช้งาน

สมัยนี้ใคร ๆ ก็อยากมีมุมทำงานที่บ้านให้น่าใช้งานมากขึ้น แต่จะทำงานทั้งทีมันก็ต้องดีกว่าเดิมหน่อย จริงไหมครับ ดังนั้นถ้าคุณกำลังคิดจะต่อเติมห้องทำงานที่บ้าน ลองเริ่มจากการปรับบรรยากาศและจัดสรรพื้นที่ให้ลงตัวครับ ไม่ต้องทำเยอะ แค่เลือกใช้ของให้เหมาะ แสงดี อากาศโล่ง ก็ช่วยให้ทำงานสบายขึ้นได้เยอะเลย มาดูกันครับว่าไอเดียต่อเติมห้องทำงานให้น่าใช้งานจะมีอะไรบ้าง

• ลงเข็มไมโครไพล์ I18 ทำโครงสร้างฐานราก เพื่อต่อเติมห้องทำงาน

การต่อเติมห้องทำงานที่แข็งแรงและใช้งานได้ยาวนาน เริ่มต้นจากโครงสร้างที่มั่นคง โดยเฉพาะบ้านทาวน์โฮมในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลซึ่งมีดินอ่อน แถมทางโครงการยังไม่ได้ทำโครงสร้างไว้เผื่อสำหรับส่วนต่อเติม การลง เข็มไมโครไพล์ I18 จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพราะมีขนาดกระทัดรัดใช้เครื่องจักรขนาดเล็กเข้าพื้นที่ได้ง่าย และสามารถตอกลึกจนถึงชั้นดินดาน ช่วยป้องกันปัญหาการทรุดตัวในอนาคตเมื่อได้ฐานรากที่แข็งแรงแล้ว จึงสร้างโครงสร้างเสา คาน และพื้นตามมาตรฐาน ทำให้ห้องทำงานที่ต่อเติมใหม่สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี ทั้งเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะทำงาน ชั้นวางของ และอุปกรณ์สำนักงานต่างๆเพื่อให้คุณได้ พื้นที่ทำงานที่มั่นคง ปลอดภัย และพร้อมใช้งานในทุกวันครับ

• หลังคาโครงเหล็กกล่องหนา 2.3 มม.มาตราฐาน มอก. พร้อมแผ่นเมทัลชีทบุฉนวนพียูโฟม

การต่อเติมห้องทำงานให้น่าใช้งาน ไม่ใช่แค่เรื่องของการตกแต่งภายในแต่โครงสร้างหลังคาก็สำคัญไม่แพ้กัน โครงเหล็กกล่องหนา 2.3 มม. (มอก.) ช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทานต่อการใช้งานระยะยาว และรองรับน้ำหนักได้อย่างมั่นคง เลือกใช้แผ่นหลังคาเมทัลชีท BlueScope ZAC บุฉนวนกันความร้อนพียูโฟม หนา1นิ้ว ช่วยป้องกันความร้อนและเสียงรบกวนทำให้ห้องทำงานเย็นสบายแม้ในช่วงบ่ายของหน้าร้อน อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานจากการใช้เครื่องปรับอากาศด้วยโครงสร้างและวัสดุคุณภาพแบบนี้ คุณจะได้ห้องทำงานที่ทั้ง แข็งแรง สวยงาม และใช้งานได้สบายตลอดทั้งวันเหมาะสำหรับการสร้างบรรยากาศทำงานที่มีประสิทธิภาพอย่างมั้นคงครับ

• ผนังอิฐมวลเบาก่อเสาเอ็นและคานทับหลัง สำหรับห้องทำงาน

การเลือกวัสดุและวิธีการก่อสร้างมีผลโดยตรงต่อความแข็งแรงและอายุการใช้งานครับ ผนังอิฐมวลเบา เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยม เพราะมีน้ำหนักเบาช่วยลดแรงกดบนโครงสร้างหลักและยังมีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนและเสียงได้ดีเพื่อป้องกันปัญหาผนังแตกร้าวในอนาคต ควร ก่อเสาเอ็นและคานทับหลัง ทุกจุดสำคัญ ซึ่งจะช่วยยึดผนังให้มั่นคงรับแรงลมและแรงสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ห้องทำงานของคุณทั้งสวยงาม แข็งแรง และใช้งานได้ยาวนานเป็นการลงทุนในโครงสร้างที่ได้มาตรฐานตั้งแต่แรก ทำให้คุณได้ห้องทำงานที่น่าใช้งานทุกวัน และไม่ต้องเสียเวลาซ่อมแซมในอนาคตอีกด้วยครับ

• ติดหน้าต่างกระจกเพิ่มแสงธรรมชาติ

ห้องที่มีแสงธรรมชาติเข้ามา จะรู้สึกโปร่งโล่งกว่าห้องที่ปิดทึบมากครับ นอกจากจะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าในตอนกลางวัน ยังช่วยให้สายตาเราได้พักจากแสงหน้าจอเป็นระยะ ๆ ด้วย เพราะการมองไกลออกไปนอกหน้าต่างบ้าง ทำให้ไม่ล้าตา แถมยังเพิ่มความรู้สึกสดชื่น ไม่อึดอัด เหมาะมากกับคนที่ต้องนั่งทำงานนาน ๆ การเลือกใช้หน้าต่างแบบบานเลื่อนหรือบานกระทุ้ง ก็ช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดีอีกด้วยครับ

• ใช้โต๊ะทำงานที่มีพื้นที่วางของอย่างเป็นระบบ

โต๊ะที่ดีไม่ใช่แค่เอาไว้วางโน้ตบุ๊กหรือคอมอย่างเดียว แต่ควรมีพื้นที่สำหรับวางของให้เป็นสัดเป็นส่วน เช่น ลิ้นชักใส่ของจุกจิก ช่องเก็บเอกสาร หรือชั้นวางของบนโต๊ะ พอให้เราหยิบจับง่าย ไม่ต้องลุกเดินหาตลอดเวลา พอของมันไม่รกสมองเราก็ไม่รกตาม ทำงานได้ลื่นกว่าเยอะครับ แนะนำให้เลือกโต๊ะแบบมินิมอลไม่ต้องใหญ่เวอร์ แต่จัดฟังก์ชันดี ๆ ก็เอาอยู่ครับ

• วางระบบแสงสว่างแบบ Warm White ช่วยถนอมสายตา

แสงไฟในห้องทำงานสำคัญกว่าที่คิดครับ ถ้าแสงสว่างไม่พอ หรือสีแสงไม่เหมาะ อาจทำให้เราปวดตา ปวดหัว หรือเสียสมาธิได้ง่ายๆ เลย ไฟแบบ Warm White สีขาวอมเหลือง จะช่วยให้บรรยากาศดูสบายตา เหมาะกับงานที่ต้องนั่งจ้องหน้าจอนาน ๆ มากกว่าการใช้ไฟ Cool White ที่ขาวจ้าเกินไป ลองติดโคมไฟตั้งโต๊ะเสริม หรือไฟดาวน์ไลต์ตรงจุดทำงานโดยเฉพาะ จะช่วยให้มุมนี้ใช้งานได้ดีขึ้นอีกเยอะครับ

• ตกแต่งด้วยต้นไม้ฟอกอากาศเพิ่มความสดชื่น

ต้นไม้เล็ก ๆ อย่างลิ้นมังกร ไทรใบสัก หรือมอนสเตอร่ากระถางเล็ก ไม่ได้แค่สวยแต่ยังช่วยดูดสารพิษในอากาศได้ด้วยครับ เวลาเราทำงานไป เหลือบตามาเห็นสีเขียวของใบไม้ ก็ช่วยคลายเครียดได้ดีพอ ๆ กับกาแฟเลยนะครับ แถมยังช่วยให้ห้องดูมีชีวิตชีวาขึ้นอีกต่างหาก ใครที่เบื่อโต๊ะทำงานแห้ง ๆ ลองหาต้นไม้กระถางเล็ก ๆ มาวางดูครับ ช่วยให้บรรยากาศเปลี่ยนทันทีเลย

• แบ่งโซนด้วยชั้นวางหนังสือหรือตู้เอกสาร

ถ้าห้องเรามีพื้นที่เยอะหน่อย ลองใช้ชั้นวางหนังสือหรือชั้นเก็บของแบบโปร่ง ๆ มาแบ่งพื้นที่ทำงานให้ชัดเจนขึ้น เช่น แบ่งส่วนที่ทำงานกับส่วนพักผ่อน หรือกั้นจากโซนอื่นในบ้านไปเลย จะช่วยให้เรารู้สึกเหมือนมี space เป็นสัดส่วนมากขึ้น และยังใช้งานชั้นนั้นจริง ๆ ได้ด้วย ไม่เปลืองพื้นที่ แถมดูมีสไตล์ขึ้นอีกระดับครับ

แค่ปรับนิดเติมไอเดียหน่อย ห้องทำงานของเราก็กลายเป็นมุมที่อยากใช้ทุกวันได้ไม่ยากครับ ไม่ต้องลำบากไปหาคาเฟ่นั่งทำงานให้เปลืองเงินด้วยครับ รับรองว่าถ้าเอาไอเดียพวกนี้ไปปรับใช้ ห้องทำงานที่เคยดูน่าเบื่อก็จะกลายเป็นมุมโปรดเลยครับ

เทคนิค “กันเสียง” สำหรับห้องทำงาน

เพราะเสียงรบกวนเล็ก ๆ น้อย ๆ จากนอกห้อง อาจทำให้โฟกัสงานยากกว่าที่คิดใช่ไหมครับ ดังนั้นถ้าอยากให้ห้องทำงานเงียบจริงจัง ตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ดีขึ้น ลองดูเทคนิคกันเสียงสำหรับห้องทำงานง่าย ๆ ที่ช่วยให้ห้องทำงานเงียบขึ้น และเหมาะกับการใช้สมาธิมากขึ้นมากันครับ

• ใช้วัสดุกันเสียงที่ผนังหรือฝ้า เช่น แผ่นยิปซัมกันเสียง หรือแผ่นดูดซับเสียง (Acoustic Panel) ติดเพิ่มในบริเวณที่เสียงลอดเข้ามาบ่อย
• ติดประตูแบบมีซีลยางรอบบาน ป้องกันเสียงลอดเข้าผ่านช่องว่างรอบประตู หรือใช้ประตูแบบบานทึบ จะช่วยกันเสียงจากภายนอกได้ดีกว่าประตูแบบกลวงทั่วไปมาก
• เปลี่ยนหน้าต่างเป็นกระจกสองชั้น (Double Glazing) ถ้าห้องอยู่ติดถนน ที่ได้ยินเสียงจากภายนอกตัวบ้าน
• ปูพรมหรือใช้ผ้าม่านหนา ๆ จะช่วยดูดซับเสียงสะท้อนภายในห้องได้ดี เสียงพูดหรือเสียงพิมพ์งานก็จะไม่ก้องจนรบกวนตัวเอง
• ใช้เฟอร์นิเจอร์ช่วยดูดซับเสียง เช่น ชั้นหนังสือแบบบิลต์อิน โต๊ะไม้ หรือโซฟาผ้าตัวเล็ก ก็มีส่วนช่วยลดเสียงสะท้อนได้ครับ
• บุผนังบางจุดด้วยแผ่นซับเสียง ใช้แผ่นโฟมซับเสียง หรือผ้าใบซับเสียง มาติดผนังบางมุม โดยเฉพาะผนังฝั่งที่ติดกับแหล่งเสียงรบกวน จะช่วยลดเสียงข้างนอก และลดเสียงสะท้อนในห้องด้วยครับ

เห็นไหมครับว่าห้องกันเสียง ไม่ได้หมายถึงต้องทุบห้องใหญ่โตเสมอไปครับ แค่ปรับรายละเอียดเล็ก ๆ เช่น เปลี่ยนผ้าม่าน เสริมซีล หรือเพิ่มพรม ก็ช่วยให้ห้องทำงานของคุณเงียบขึ้นและน่าใช้งานมากขึ้นได้แล้วครับ เหมาะกับคนที่อยากเปลี่ยนห้องทำงานให้เงียบลง แบบไม่ต้องลงทุนหนักครับ

งบประมาณเบื้องต้นในการต่อเติมห้องทำงาน

สำหรับงบประมาณเบื้องต้นในการต่อเติมห้องทำงาน จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นขนาดพื้นที่ วัสดุที่เลือกใช้ และฟังก์ชันที่ต้องการ รวมไปถึงรูปแบบการตกแต่งด้วยครับ เพราะถ้าเราไปขอใบเสนอราคาจากช่าง ก็อาจจะได้ราคาที่ไม่เท่ากันสักที่เลยก็ได้ครับ เพราะนอกจากพวกค่าวัสดุที่เลือกแล้วยังขึ้นอยู่กับทีมงานช่างที่เราเลือกด้วยครับ ทางที่ดีไม่ควรเลือกที่ถูกจนเกินไป หรืออย่าไปคว้าเจ้าที่แพงจนเกินเหตุนะครับ เดินทางสายกลางไว้ปลอดภัยที่สุดครับ ดังนั้นจะขอสรุปงบประมาณในการต่อเติมห้องทำงานไว้ให้แบบคร่าว ๆ เพื่อให้หลายคนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ดังนี้ครับ 

• งบประหยัดสำหรับห้องขนาดเล็ก ใช้งบประมาณคร่าว ๆ อยู่ที่ 50,000 – 100,000 บาท

เหมาะสำหรับการกั้นห้องเล็กๆ เพิ่มในบ้าน ใช้วัสดุทั่วไป เช่น ผนังเบา วงกบอะลูมิเนียม โต๊ะทำงานเรียบ ๆ มีไฟและปลั๊กเบื้องต้น

• ขนาดกลาง ใช้งบประมาณคร่าว ๆ อยู่ที่ประมาณ 100,000 – 200,000 บาท

เหมาะกับการต่อเติมห้องใหม่ขนาด 3×3 ถึง 3×4 เมตร พร้อมระบบไฟ แอร์ เฟอร์นิเจอร์บิลต์อินบางส่วน และวัสดุคุณภาพระดับกลาง

• งบระดับพรีเมียมพร้อมลงเข็มทำโครงสร้างฐานราก ใช้งบประมาณ 200,000 บาทขึ้นไป

เหมาะกับห้องทำงานแบบเต็มระบบ ทำโครงสร้างฐานรากเพิ่มมั่นคงใช้งานห้องทำงานได้ในระยะยาว ใช้วัสดุเก็บเสียง ระบบไฟแบบ Smart Lighting และติดตั้งฉนวนกันร้อน/กันเสียง

การต่อเติมห้องทำงานไม่จำเป็นต้องใช้งบมหาศาลเสมอไป อยู่ที่ว่าเราอยากได้ฟังก์ชันแค่ไหน และเลือกใช้วัสดุอะไร ถ้าวางแผนดี ๆ ก็สามารถสร้างมุมทำงานที่สบาย น่าใช้งาน และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้แล้วครับ เพราะสุดท้ายเรารู้ดีครับ ว่าอะไรเหมาะกับเราที่สุด

ข้อควรรู้ก่อนลงมือจริง

มาถึงหัวข้อที่อยากให้ดอกจันไว้เยอะ ๆ เลยครับ ก่อนจะเริ่มลงมือต่อเติมห้องทำงาน มีรายละเอียดยิบย่อยที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อนจนอาจมองข้ามไปเลยก็ได้ครับ มาดูเรื่องสำคัญที่ต้องรู้กันก่อนครับ ว่ามีอะไรบ้างที่สำคัญ เพราะถ้าเตรียมตัวไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องเจอปัญหาตามมาทีหลังครับ

• จำเป็นต้องขออนุญาตก่อสร้าง

ถ้าการต่อเติมมีผลกับโครงสร้างหลักของบ้าน เช่น สร้างห้องเพิ่ม ต่อเติมออกมานอกแนวบ้านเดิม หรือเพิ่มพื้นที่ใช้สอยมากกว่า 5 ตารางเมตรขึ้นไป กฎหมายกำหนดว่า ต้องขออนุญาตก่อสร้างกับเทศบาลหรืออบต.ในพื้นที่ก่อนครับ เพื่อป้องกันปัญหาในภายหลัง เช่น เพื่อนบ้านร้องเรียน หรือถูกสั่งให้รื้อถอน แต่ถ้าแค่กั้นห้องในบ้านเดิม อันนี้ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบ้านก็ไม่ต้องขอครับ

แต่ถ้าใครไม่ชัวร์ก็อาจเข้าไปตรวจสอบกับหน่วยงานท้องถิ่น หรือเข้าไปปรึกษาทีมช่างอีกครั้งก็ได้ครับ ที่สำคัญใครจะต่อเติมก็อย่าลืมบอกกล่าวเพื่อนบ้างกันสักนิดนะครับ ถ้าจะให้ดีทำเป็นการตกลงแบบมีลายลักษณ์อักษรก็ดีครับ และใครที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร หรือมีนิติก็อย่าลืมตรวจสอบข้อกำหนดด้วยนะครับ ว่ามีข้อห้ามอะไรบ้าง จะได้ไม่มีปัญหาที่หลัง 

• ตรวจสอบฐานรากก่อนต่อเติมห้องทำงาน สิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม

ก่อนเริ่มต่อเติมห้องทำงานสิ่งสำคัญอันดับแรกคือ ตรวจสอบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีโครงสร้างฐานรากหรือยัง หากมีแล้วควรดูว่าเป็นเข็มชนิดใด เช่น เข็ม 6 เหลี่ยม ที่มักใช้แรงคนกดซึ่งอาจไม่เหมาะกับพื้นที่ในกรุงเทพๆและปริมณฑล หากพื้นที่ไม่มีฐานรากหรือฐานรากเดิมไม่แข็งแรงพอ ควรรื้อถอนและทำการลง เข็มไมโครไพล์ I18 ซึ่งสามารถตอกลึกลงไป 14-20 เมตร จนถึงชั้นดินดานพร้อมตรวจวัดค่าโบว์เค้าให้ได้ตามมาตรฐาน เพื่อความมั่นคง แข็งแรง และรองรับการใช้งานห้องทำงานใหม่ได้อย่างปลอดภัยในระยะยาวการวางรากฐานที่ถูกต้องตั้งแต่แรกจะช่วยให้การต่อเติมห้องทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น และหมดปัญหาโครงสร้างทรุดในอนาคตครับ

• ควรมีระบบไฟและแอร์แยกเฉพาะห้องทำงาน

เพราะการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าในห้องทำงานแน่นอนว่าเราคงต้องเปิดใช้งานต่อเนื่องหลายชั่วโมง หรืออาจเปิดทั้งวัน แนะนำให้เดินระบบไฟแยกเบรกเกอร์เพื่อความปลอดภัย และเผื่ออนาคตจะติดตั้งปลั๊กเพิ่ม ให้มีปลั๊กพอสำหรับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในการทำงานต่างๆและรบบแสงสว่างให้เพียงพอ ส่วนแอร์ถ้ามีงบควรติดแยกต่างหาก จะช่วยควบคุมอุณหภูมิได้ดีกว่า ไม่ต้องรบกวนโซนอื่นในบ้าน และยังประหยัดไฟได้ในระยะยาวด้วยครับ เพราะเราไม่จำเป็นต้องเปิดไฟหรือแอร์ทั้งบ้านเวลาทำงานจะได้ใช้ไฟฟ้าแค่ในมุมเดียว นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาไฟเกินหรือปลั๊กไม่พอด้วยครับ

• ถ้าพื้นที่บ้านจำกัด อาจใช้ห้องอเนกประสงค์แปลงเป็นโฮมออฟฟิศได้

ต่อให้เนื้อที่บ้านมีขนาดเล็กไม่ต้องกังวลครับ ไม่จำเป็นต้องต่อเติมใหม่เสมอไป ถ้ามีห้องอเนกประสงค์ ห้องเก็บของ ห้องอ่านหนังสือ หรือมุมว่างใต้บันได ลองรีโนเวทให้กลายเป็นมุมทำงานก็ได้แล้วครับ ใช้งบน้อยแถมยังทำให้ใช้สอยพื้นที่เดิมในบ้านคุ้มค่ามากขึ้นครับ

มาถึงตรงนี้คงได้ไอเดียต่อเติมห้องทำงานกันเต็มที่แล้วใช่ไหมครับ แต่อยากย้ำอีกครั้งนะครับ ว่าก่อนลงมืออย่าลืมเช็คให้รอบคอบด้วยนะครับ เพราะห้องทำงานจะอยู่กับเราไปอีกนาน ดังนั้นควรเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด จะได้ไม่ต้องมานั่งบ่นปวดหลัง แสบตาเพราะไฟไม่พอ หรือไม่ตอบโจทย์การใช้งานครับ ลองวางแผนดี ๆ แล้วปรับห้องอเนกประสงค์เป็นโฮมออฟฟิศดูก่อนครับ รับรองว่างบไม่บาน แถมได้ห้องทำงานในฝันอีกด้วยครับ 

ต่อเติมห้องทำงานกับ ADDZestHome ดีอย่างไร

ถ้าคุณกำลังมองหาทีมช่างที่เข้าใจทั้งฟังก์ชันและดีไซน์ ต้องบอกเลยว่า ADDZestHome คือคำตอบที่เหมาะที่สุดครับ เพราะเราเข้าใจไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องความสวยงาม ฟังก์ชันการใช้งานจริง และความคุ้มค่า ด้วยจุดเด่นที่ตอบโจทย์แบบครบจบในที่เดียว เราไม่ใช่แค่ผู้รับเหมาแต่ คือ ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจบ้านทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว หรือบ้านแฝด เราก็พร้อมเนรมิตมุมธรรมดา ๆ ให้กลายเป็นโฮมออฟฟิศที่คุณต้องแฮปปี้ในทุกการใช้งาน 

ทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์ต่อเติมบ้านทุกรูปแบบ ด้วยประสบการณ์หน้างานจริงกว่า 300 หลัง เราเข้าใจข้อจำกัดของแต่ละบ้าน เรารู้ลึกทุกแบบ ไม่ว่าจะห้องทำงานมินิมอล โมเดิร์น อบอุ่นสไตล์คาเฟ่ หรือออฟฟิศสุดล้ำ ทางทีมก็จัดให้ได้หมด พร้อมแนะนำวัสดุที่ทั้งทนและดูดี รับรองว่าห้องทำงานออกมาดูดีจนเพื่อนอิจฉา เพราะเราออกแบบตามสไตล์ที่เจ้าของบ้านต้องการ ดีไซน์ล้ำสมัย ไม่ซ้ำใคร ปรับได้ตามสไตล์คุณ ทำให้ห้องทำงานออกมาตอบโจทย์การใช้งานจริง ๆ  

ดูแลครบทุกขั้นตอน วางแผนฟังก์ชันได้ตรงจุด เรามีทีมช่างประจำที่เชี่ยวชาญด้านการต่อเติมโดยเฉพาะ ไม่ใช่แค่ต่อเติมทั่วไป แต่เข้าใจฟังก์ชันของห้องทำงานเป็นอย่างดี ว่าแสงควรมาจากทางไหน ปลั๊กไฟควรอยู่ตรงจุดไหน หรือควรวางแอร์ยังไงให้เย็นเร็วแต่ไม่รบกวนการทำงาน เราช่วยวางผังห้องทำงานให้เหมาะกับพื้นที่จริง มีการวิเคราะห์ทางลม จุดวางโต๊ะ และระบบไฟ ให้ใช้งานได้จริงทุกวัน ไม่ใช่แค่สวย แต่ต้องดี

ออกแบบให้เห็นภาพก่อนเริ่มงาน เรามีบริการทำแบบ 3 มิติ (3D) ให้ลูกค้าเห็นภาพรวมของห้องก่อนลงมือจริง ไม่ต้องเดา ไม่ต้องจินตนาการ และสามารถปรับแบบให้ตรงใจได้ตั้งแต่ต้น เห็นชัดทั้งแปลน เฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงการวางระบบไฟและแสง รับรองว่าทำได้จริง ไม่มีขายฝัน

ให้คำปรึกษาฟรี พร้อมแนะนำวัสดุที่เหมาะสมตามงบ ไม่ว่าคุณมีงบมากหรือน้อย เราช่วยแนะนำวัสดุที่ตอบโจทย์และคุ้มค่าที่สุดให้ได้เสมอ เราไม่ยัดของแพง ไม่ขายของเกินความจำเป็น และให้คำปรึกษาฟรีตั้งแต่วันแรกที่คุยกัน ไม่มีกั๊กความรู้ หรือหวงวิชา 

รับประกันงานทุกโครงการ พร้อมบริการหลังการขายที่มั่นใจได้ หมดห่วงเรื่องงานพัง งานช้า หรือปัญหาหลังต่อเติม เพราะทุกงานต่อเติมของเรารับประกัน 1 ปีเต็ม และมีทีมงานที่พร้อมดูแลหลังการขายอย่างต่อเนื่อง ไม่ทิ้งลูกค้าแน่นอนครับ ทุกงานต่อเติมมีทีมควบคุมงานจริงจัง ก่อสร้างได้มาตรฐาน โดยทีมช่างมืออาชีพ ไม่ปล่อยให้ลูกค้าต้องลอยแพ งานจบตรงตามเวลา ไม่มีปัญหาช่างทิ้งงาน ไม่ต้องปวดหัวแก้งานซ้ำ 

ถ้าจะต่อเติมทั้งที เลือกทีมที่รู้จริงเรื่องบ้านและเข้าใจไลฟ์สไตล์การทำงานแบบ Work from Home อย่างแท้จริง ลืมห้องทำงานที่จำเจแบบเดิมไปได้เลยครับ เลือก ADDZestHome รับรองว่างานเนี้ยบ ตรงเวลา ไม่มีทิ้งงาน แล้วคุณจะได้ห้องทำงานในฝันที่ออกแบบมาอย่างลงตัว เราพร้อมช่วยเปลี่ยนวันทำงานของคุณให้ดีขึ้น กับมุมทำงานที่ใช่ เหมาะกับสไตล์และชีวิตจริงของคุณ เราพร้อมเดินเคียงข้างคุณในทุกขั้นตอนครับ