ในทุกเช้าที่แสงแดดส่องลงมา หลายคนคงเริ่มต้นวันใหม่ด้วยกาแฟอุ่น ๆ และกลิ่นอาหารเช้าหอม ๆ หอมกรุ่นที่ลอยละล่องออกมาจากห้องครัว บรรยากาศแสนอบอุ่นนี้ไม่ใช่เพียงแค่ภาพของการทำอาหาร แต่เป็นภาพสะท้อนของ “หัวใจแห่งบ้าน” ที่หลอมรวมความรัก ความเป็นครอบครัว และความงดงามของชีวิตประจำวันไว้ด้วยกัน หลายครอบครัวมองเห็นพื้นที่ว่างเปล่าในบ้านและฝันถึงการมีครัวเล็กๆ สักมุมพื้นที่พิเศษที่ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นอาหารรบกวน ไม่ต้องสละพื้นที่ในบ้านให้แคบลง และจะกลายเป็นส่วนสำคัญที่เติมเต็มให้บ้านสมบูรณ์แบบ แต่คำถามที่มักผุดขึ้นในใจคือ… “จะสร้างครัวในฝันให้เป็นจริงได้ด้วยงบประมาณเท่าไหร่กันแน่?
หลายคนอาจเข้าใจว่าการต่อเติมครัวหรือทำเคาน์เตอร์ใหม่ ต้องใช้งบหลักแสน ต้องมีแบบ ต้องมีช่าง ต้องมีเวลามากมาย จนกลายเป็นเรื่องที่ดูไกลตัวสำหรับใครหลายคน แต่ในความจริงแล้ว ทราบกันไหมครับว่าแค่มีงบประมาณ 50000 บาท ก็สามารถมีเคาน์เตอร์ครัวใหม่ที่ใช้งานได้จริง และดูดีได้แล้วครับ ถ้ารู้จักวางแผนให้ดี คิดให้รอบคอบ และเน้นที่ความพอดี เน้นที่ตอบโจทย์การใช้งาน เพียงแค่เท่านี้ก็เนรมิตให้ห้องครัวของเราดูสมบูรณ์มากขึ้นไปอีกครับ
เคาน์เตอร์ครัวที่ดีไม่จำเป็นต้องหรูหราหรือใหญ่โตอลังการเสมอไปครับ บางทีแค่เคาน์เตอร์ปูนเรียบ ๆ พร้อมเตาแก๊สหนึ่งหัว ซิงก์ล้างจานก็เพียงพอแล้วสำหรับการสร้างพื้นที่ทำอาหารที่อบอุ่นและน่าใช้งาน การเลือกวัสดุที่คุ้มค่า การออกแบบอย่างเรียบง่ายแต่ตอบโจทย์ ร่วมกันการบริหารงบประมาณอย่างชาญฉลาด คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ความฝันนี้เกิดขึ้นได้จริงแค่นั้นก็พอแล้วสำหรับการสร้างความสุขเล็ก ๆ ให้เกิดขึ้นได้ทุกมื้อแล้วครับ
ดังนั้นในบทความนี้เราจะพาไปดูไอเดียการทำเคาน์เตอร์ครัวงบ 50,000 แบบไม่เวอร์ ไม่ขายฝัน ใช้งบจริง วางแผนได้จริง ด้วยงบที่จับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นครัวสไตล์ไหน เพื่อเป็นไอเดียสำหรับเพื่อน ๆ ที่มีห้องเปล่าๆอยู่แล้วแต่ยังขาดเคาน์เตอร์ครัวที่ใช้งานได้ในระยะยาว ทำครั้งเดียวจบ ฟังชันก์ครบ ไม่ตกเทรนด์กันครับ
การต่อเติมเคาน์เตอร์ครัวงบ 50000 ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
ก่อนจะรีบตรงเข้าร้านวัสดุก่อสร้างเพื่อซื้อของมาทำเคาน์เตอร์ครัว อย่าเพิ่งใจร้อนครับ เพราะการทำเคาน์เตอร์ครัว ไม่ใช่แค่การซื้ออุปกรณ์แล้วติดตั้งเลย แต่ต้องมีการวางแผนหลายจุด ทั้งเรื่องพื้นที่เดิม วัสดุที่เลือกใช้ ไปจนถึงโครงสร้าง เพื่อให้งบประมาณที่มีอยู่จำกัด สำหรับงบ 50,000 บาท ใช้ได้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์จริงมากที่สุด
เริ่มต้นจากพื้นที่ที่มีอยู่
สิ่งแรกที่ต้องประเมินก่อนลงมือคือ สภาพพื้นที่ห้องครัวเดิม ถ้าบริเวณที่วางแผนทำเคาน์เตอร์ครัวเป็นแค่ลานโล่ง ไม่มีพื้น ไม่มีหลังคา ไม่มีผนัง งบ 50,000 บาทอาจยังไม่เพียงพอ เพราะจะกลายเป็นงานสร้างใหม่ทั้งระบบ ตั้งแต่เทพื้น ก่อผนัง ไปจนถึงติดตั้งหลังคา
แต่ถ้าพื้นที่เดิมเป็นห้องที่มีพื้น หลังคา และผนังอยู่แล้ว เช่น ห้องเก็บของเดิม ห้องซักล้าง หรือครัวเก่าที่ไม่ได้ใช้งาน แบบนี้จะสามารถเน้นงบไปที่เคาน์เตอร์ครัวได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องเสียงบไปกับโครงสร้างหลัก ทำให้การใช้งบ 50,000 บาทเป็นไปได้จริงครับ
โครงสร้างเดิม
หากโครงสร้างเดิมของพื้นที่ยังแข็งแรง มีพื้นคอนกรีต มีผนังปูนหรือผนังเบา และหลังคาเหล็กหรือเมทัลชีทที่ใช้งานได้ การทำเคาน์เตอร์ใหม่ก็จะเป็นแค่งานตกแต่งภายในทั่วไปครับ เช่น ก่อเคาน์เตอร์ วางซิงก์ ติดตั้งเตาแก๊ส และทำระบบน้ำเล็กน้อย ซึ่งถือว่าเป็นการประหยัดกว่าสร้างใหม่มาก แต่สำหรับใครที่ยังไม่มั่นใจในโครงสร้าง ควรปรึกษาช่างก่อน เพื่อวางแผนให้ตรงจุดครับ
วัสดุต้องเลือกอย่างชาญฉลาด
การเลือกวัสดุเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้งานอยู่ในงบหรือเกินงบได้ง่ายมากครับ วัสดุในท้องตลาดก็มีหลายระดับหลายราคา ทั้งวัสดุเกรดประหยัด เกรดกลาง ไปจนถึงวัสดุเกรดพรีเมียม แต่ถ้าเรามีงบเพียง 50,000 บาท ก็ควรมุ่งเน้นวัสดุที่มีคุณภาพกลาง ๆ คุ้มค่าต่อการใช้งานจะตอบโจทย์ที่สุดครับ
ควรเลือกเป็นเคาน์เตอร์ครัวปูน เหมาะสมกว่า เคาน์เตอร์สำเร็จรูป หรือเคาน์เตอร์หินแกรนิตที่ราคาแพง ส่วนซิงก์ล้างจานก็สามารถใช้รุ่นมาตรฐานที่มีความหนาพอสมควร ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบฝังหรู เตาแก๊สสามารถใช้แบบตั้งพื้นทั่วไปแทนเตาแบบฝัง การเลือกวัสดุอย่างรอบคอบ ไม่ตามกระแสนิยมมากเกินไปจะช่วยให้ประหยัดงบได้มาก โดยไม่ลดทอนคุณภาพของการใช้งานจริงด้วยครับ
ค่าแรงควบคุมได้ ถ้าวางแผนดี
เราเองก็สามารถปรับลดหรือควบคุมได้ ถ้ามีการวางแผนล่วงหน้าอย่างดี แต่ถ้างบจำกัดแค่ 50,000 แล้วไม่มีการแบ่งชัดระหว่างค่าวัสดุกับค่าแรง อาจทำให้เบิกเกินโดยไม่รู้ตัว แต่ถ้าบ้านไหนที่มีใครที่ยังพอมีฝีมือ ก็อาจลองทำบางส่วนเอง เช่น ทาสี ติดตั้งซิงก์ หรือต่อระบบเล็ก ๆ น้อย ๆ เบื้องต้นเองได้ ก็จะช่วยเซฟค่าแรงได้มากครับ ที่สำคัญคืออย่าลืมทำข้อตกลงเรื่องราคา เวลา และขอบเขตงานให้ชัดเจนด้วยนะครับ เพื่อลดปัญหาภายหลัง
กฎหมาย
ส่วนมากการต่อเติมบ้านไม่ว่าจะเป็นการต่อเติมในรูปแบบไหนก็ตาม อย่างแรกที่ต้องทำคือควรตรวจสอบข้อกำหนดของนิติบุคคลก่อนครับ ถึงแม้จะเป็นเพียงการต่อเติมเคาน์เตอร์ครัว แต่ก็อาจสร้างความรบกวนให้กับเพื่อนบ้านข้างเคียงอยู่บ้างเล็กน้อย ยิ่งเป็นหมู่บ้านจัดสรรหรือโครงการที่มีซอยแคบยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษครับ
แม้จะเป็นเพียงการต่อเติมเคาน์เตอร์ห้องครัว แต่ทางที่ดีควรบอกกล่าวเพื่อนบ้านข้างเคียงให้เรียบร้อยก่อนครับ ว่าจะมีช่างเข้ามาทำงาน ตั้งแต่ช่วงเวลาไหน ถึงเวลาไหน และใช้ระยะเวลากี่วัน เพื่อไม่ให้เสียงหรือการต่อเติมไปรบกวน แต่ทางที่ดีตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษรดีที่สุดครับ จะได้ไม่โดนเพื่อนบ้านมาร้องเรียนกันภายหลัง
สำหรับงบ 50,000 บาทอาจดูไม่มาก แต่ถ้าเราเริ่มต้นจากการประเมินพื้นที่ให้ดี เลือกใช้วัสดุอย่างชาญฉลาด ทำบางอย่างด้วยตัวเองได้ และวางแผนทุกขั้นให้รัดกุม เคาน์เตอร์ครัวใหม่ที่ใช้งานได้จริง และดูดี ก็สามารถเป็นจริงได้โดยไม่ต้องฝันไกลเลยครับ
ต่อเติมเคาน์เตอร์ครัวงบ 50000
การต่อเติมเคาน์เตอร์ครัวในงบประมาณ 50000 บาท ถือว่าเป็นงบระดับกลางที่สามารถจัดสรรให้ได้ทั้งความสวยงามและประโยชน์ใช้สอยในระดับที่น่าพึงพอใจครับ โดยสิ่งสำคัญคือการเลือกวัสดุให้เหมาะสมกับสไตล์ที่ต้องการ การจัดลำดับความสำคัญของงบ เช่น จะเน้นฟังก์ชันการใช้งาน หรือจะเน้นดีไซน์ความสวยงาม เพราะงบนี้อาจไม่ได้ครอบคลุมได้ทุกอย่างหากใช้ของเกรดพรีเมียม โดยอาจสร้างเคาน์เตอร์ครัวได้ประมาณ 2-2.5 เมตร มีทั้งส่วนเตรียมอาหาร อ่างล้างจาน และพื้นที่จัดเก็บ แต่จะไม่ได้รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่ ๆ อย่างพวกเตาอบหรือเครื่องล้างจานนะครับ แต่ราคานี้สามารถจัดสรรให้รวมค่าเตาแก๊สแบบตั้งโต๊ะหรือหัวเตาแบบฝังได้ โดยมีการปูกระเบื้องหรือเลือกวัสดุปิดผิวที่สวยงาม ทนทาน
ดังนั้นเราได้รวมไอเดีย 4 สไตล์เคาน์เตอร์ครัว พร้อมแนวทางการเลือกวัสดุ และการควบคุมงบให้ไม่เกิน 50,000 บาทมาฝากกันครับ มาดูกันว่าถ้าจะต่อเติมเคาน์เตอร์ครัวในสไตล์ต่าง ๆ จะใช้อะไรบ้าง และงบประมาณในแต่ละส่วนจะตกอยู่ประมาณเท่าไร
เคาน์เตอร์ครัวสไตล์มินิมอล มีวัสดุอะไรบ้าง งบประมาณเท่าไหร่
เคาน์เตอร์ครัวสไตล์มินิมอลมีเสน่ห์ตรงที่ความเรียบง่าย สบายตา ให้ความรู้สึกสงบซึ่งเหมาะมากสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบบ้านที่ดูสะอาด โปร่งโล่ง ไม่รก โดยวัสดุที่นิยมใช้กับเคาน์เตอร์สไตล์นี้มักเป็นโทนสีขาว เทา หรือไม้ธรรมชาติแบบอ่อน เพื่อให้กลืนเข้ากับบรรยากาศเดิมของห้องครัว
โครงสร้างเคาน์เตอร์สามารถก่อด้วยอิฐมวลเบา หรือใช้โครงเหล็กกรุแผ่นไม้ MDF ปิดผิวลามิเนตสีเรียบก็ได้ครับ ทั้งนี้เพราะมินิมอลไม่ได้เน้นความหรูหรา แต่ให้ความสำคัญกับความเป็นระเบียบ ความเรียบง่าย ดูแล้วไม่รกตา
ส่วนท็อปเคาน์เตอร์ควรเลือกวัสดุอย่างหินสังเคราะห์สีขาว หรือ HPL สีอ่อนที่ทำความสะอาดง่าย ดูไม่รก มีตู้บานเรียบไม่มีมือจับหรือติดปุ่มเล็ก ๆ ให้ดึงออกได้ง่าย
ผนังบริเวณเคาน์เตอร์อาจกรุด้วยกระเบื้องแผ่นเล็กสีขาวแบบซับเวย์ หรือเลือกใช้วัสดุอย่างแผ่นอะคริลิกกันน้ำเพื่อลดต้นทุน
โดยรวมแล้วงบประมาณสำหรับเคาน์เตอร์ครัวมินิมอลจะอยู่ที่ประมาณ 45,000-50,000 บาท ซึ่งแบ่งเป็นค่าวัสดุโครงสร้างและท็อปประมาณ 25,000-30,000 บาท และแยกเป็นพวกค่าซิงก์ ก๊อก และเตาอีกประมาณ 10,000-12,000 บาท ส่วนค่าแรงพร้อมงานตกแต่งราว 8,000-10,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความประณีตของช่างและวัสดุที่เลือกใช้ด้วยนะครับ
เคาน์เตอร์ครัวไทย มีวัสดุอะไรบ้าง งบประมาณเท่าไหร่
สำหรับเคาน์เตอร์ครัวไทย ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำอาหารแบบไทยแท้ เน้นการทอด ผัด ต้ม และมีคราบน้ำมัน ความร้อน และความเปียกชื้นมากเป็นพิเศษ ก็จำเป็นต้องใช้วัสดุที่แข็งแรง ทนทาน และทำความสะอาดง่ายเป็นหลักครับ
เริ่มต้นที่โครงสร้างก่ออิฐฉาบปูน เหมาะกับงานที่ต้องรับน้ำหนักเยอะ เช่น การวางหม้อขนาดใหญ่ หรือหม้อแกงร้อน ๆ ส่วนท็อปเคาน์เตอร์ที่เหมาะสมควรเป็นหินแกรนิตจริง หรือกระเบื้องแกรนิตโต้ที่มีความแข็งแรง ทนร้อน และไม่ดูดซึมน้ำ
ส่วนผนังควรกรุกระเบื้องลายเรียบเพื่อป้องกันคราบอาหาร และสะดวกต่อการล้างทำความสะอาด นอกจากนั้นควรมีซิงก์ล้างจานขนาดใหญ่ เตาแก๊สหัวเตาคู่ หรือเตาอินดักชันแบบทนร้อนดี ๆ สักเครื่อง
งบประมาณของเคาน์เตอร์ครัวไทยจะอยู่ที่ราว 45,000-50,000 บาท โดยแบ่งเป็นงานก่อสร้างและท็อปเคาน์เตอร์ประมาณ 25,000 บาท งานกระเบื้อง ผนัง พื้นประมาณ 8,000-10,000 บาท และค่าอุปกรณ์รวมค่าแรงประมาณ 12,000-15,000 บาท ซึ่งหากจัดการดี ๆ ก็จะได้ครัวที่ทั้งสวยและใช้งานได้หนักแบบไม่ต้องกังวลเรื่องความเสียหายระยะยาวจากความชื้นหรือคราบต่าง ๆ ด้วยครับ
เคาน์เตอร์ครัวแบบกะทัดรัด มีวัสดุอะไรบ้าง งบประมาณเท่าไหร่
สำหรับบ้านหรือคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด การออกแบบเคาน์เตอร์ครัวให้มีขนาดกะทัดรัดแต่ฟังก์ชันครบถ้วนถือเป็นสิ่งจำเป็น โดยปกติแล้วเคาน์เตอร์ขนาดเล็กจะมีความยาวประมาณ 1.5-2 เมตร โดยภายในควรรวมฟังก์ชันหลัก ๆ อย่างพวกพื้นที่ล้างจาน พื้นที่เตรียมอาหาร และเตาไฟฟ้าหรือเตาแก๊สในชุดเดียวกัน
วัสดุที่ใช้ควรมีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย และไม่กินพื้นที่มาก เช่น โครงเหล็กกรุแผ่นไม้ลามิเนต MDF หรือใช้ชุดเคาน์เตอร์สำเร็จรูปจากแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชั้นนำที่ผลิตเพื่อคอนโดโดยเฉพาะ ท็อปเคาน์เตอร์ควรเป็น HPL หรือหินสังเคราะห์ที่บางแต่แข็งแรง ทนร้อน และเช็ดล้างง่าย
สำหรับฟังก์ชั่นเพิ่มเติมอย่างพวกอุปกรณ์ ควรเน้นเลือกแบบมัลติฟังก์ชัน เช่น เตาฝังที่มีฮูดในตัว หรือซิงก์เล็กที่มาพร้อมกระดานหั่นของแนบด้านบนเพื่อลดพื้นที่เก็บของ ผนังด้านหลังอาจเลือกใช้แผ่นอะคริลิกกันน้ำหรือแผ่น PVC ลายไม้เพื่อลดน้ำหนักและเพิ่มความสวยงาม
รวมแล้วงบประมาณสำหรับเคาน์เตอร์กะทัดรัดจะอยู่ที่ประมาณ 35,000-45,000 บาท แบ่งเป็นค่าวัสดุหลักและโครงสร้างประมาณ 20,000 บาท อุปกรณ์ประกอบครัวราว 10,000 บาท และค่าแรง ตกแต่งอีกประมาณ 5,000-8,000 บาท ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากสำหรับพื้นที่เล็กแต่ต้องการความครบครันครับ
เคาน์เตอร์ครัวแบบปูนเปลือยสไตล์ลอฟท์ มีวัสดุอะไรบ้าง งบประมาณเท่าไหร่
เคาน์เตอร์ครัวสไตล์ปูนเปลือยหรือที่หลายคนเรียกว่าลอฟท์ เป็นรูปแบบที่ให้ความรู้สึกดิบ เท่ เป็นธรรมชาติ และสะท้อนรสนิยมแบบอินดัสเทรียลเบา ๆ โดยจุดเด่นอยู่ที่การใช้ปูนขัดมันเป็นวัสดุหลัก ซึ่งให้ผิวสัมผัสที่แข็งแรง มีลวดลายที่ไม่ซ้ำใคร และทนทานต่อการใช้งานหนัก ๆ ได้ดี
วัสดุหลักคือปูนซีเมนต์ผสมทรายหรือปูนสำเร็จรูปสำหรับงานขัดมัน ท็อปเคาน์เตอร์สามารถทำเป็นปูนขัดมันต่อเนื่องกับตัวโครงสร้าง หรือเลือกใช้หินแกรนิตสีเข้มเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและตัดกับโทนเทาของปูนอย่างมีสไตล์
ด้านโครงสร้างภายในอาจเสริมด้วยเหล็กกล่อง หรือเหล็กฉาก เพื่อความมั่นคงและคงธีมดิบของลอฟท์ไว้ ส่วนผนังและชั้นวางของควรใช้ท่อเหล็กสีดำหรือชั้นไม้สนขัดด้านเพื่อสร้างความรู้สึกแบบอินดัสเทรียล ผนังสามารถปล่อยเปลือยหรือโชว์แนวอิฐแดงเพื่อเสริมคาแรกเตอร์ ส่วนอุปกรณ์ครัวควรเลือกโทนสีเข้มหรือสแตนเลส เพื่อให้เข้ากับความดิบของวัสดุหลัก
งบประมาณของเคาน์เตอร์สไตล์ลอฟท์จะอยู่ที่ประมาณ 40,000-50,000 บาท โดยแบ่งเป็นค่าวัสดุปูน เหล็ก และท็อปประมาณ 25,000-30,000 บาท อุปกรณ์ครัวประมาณ 10,000-12,000 บาท และงานตกแต่งรวมถึงค่าแรงช่างผู้เชี่ยวชาญงานปูนขัดมันอีกประมาณ 5,000-8,000 บาท
ซึ่งสำหรับเคาน์เตอร์ปูนเปลือยสไตล์ลอฟท์ ควรเลือกช่างที่มีประสบการณ์จริง เพราะงานลอฟท์ต้องอาศัยความแม่นยำในการเก็บรายละเอียด เพื่อให้ผิวงานออกมาเรียบและมีเสน่ห์แบบที่หลายคนชื่นชอบ
หากคุณกำลังมองหางานต่อเติมเคาน์เตอร์ครัวที่ทั้งสวย ใช้งานได้จริง และคุ้มค่างบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นสไตล์มินิมอล ครัวไทย ครัวกะทัดรัด หรือเคาน์เตอร์ปูนเปลือยแบบลอฟท์ สิ่งสำคัญที่สุดคือการวางแผนอย่างรอบคอบ เลือกวัสดุให้เหมาะกับลักษณะการใช้งาน และควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด เพราะถ้าออกแบบดีก็เป็นการสะท้อนทั้งฟังก์ชัน และรสนิยมของเจ้าของบ้านอย่างลงตัวเลยครับ
วัสดุสำหรับต่อเติมเคาน์เตอร์ห้องครัว
การเลือกวัสดุสำหรับต่อเติมเคาน์เตอร์ห้องครัวนั้นถือเป็นหัวใจสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อทั้งความแข็งแรง อายุการใช้งาน และความสวยงามของพื้นที่ครัวเลยครับ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นครัวขนาดเล็กหรือครัวขนาดใหญ่ การเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับสไตล์และลักษณะการใช้งานจริงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม โดยจะขอแบ่งวัสดุออกเป็น 4 ส่วน เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นนะครับ
วัสดุโครงสร้าง
-
-
- อิฐมอญหรืออิฐมวลเบา ที่มักนิยมใช้เยอะซึ่งมีข้อดีเรื่องความแข็งแรง ทนความชื้นได้ดี และมีอายุการใช้งานยาวนาน
- โครงเหล็กกล่องร่วมกับแผ่นสมาร์ทบอร์ด หรือไม้อัดเคลือบกันชื้น น้ำหนักเบากว่า ติดตั้งเร็ว เหมาะสำหรับงานเร่งด่วน
-
วัสดุปิดผิวท็อปเคาน์เตอร์
-
- หินแกรนิตธรรมชาติ : ทนความร้อน ทนแรงกระแทก ใช้งานได้ยาวนาน ได้รับความนิยมสูงที่สุด
- หินสังเคราะห์ : ผิวเรียบ ให้ความรู้สึกทันสมัย ทำความสะอาดง่าย
- แผ่นลามิเนต HPL : สำหรับสายประหยัดกันน้ำในระดับหนึ่ง มีลวดลายหลากเยอะ ทั้งลายไม้ ลายหิน หรือสีเรียบ
- กระเบื้อง : เป็นวัสดุที่ใช้ทำท็อปเคาน์เตอร์ครัวได้ดีในระดับนึงครับ โดยเฉพาะถ้าเรามีงบจำกัดและอยากได้ลวดลายที่หลากหลาย ทนความร้อนได้ดี กันน้ำกันเปื้อนได้พอสมควร ทำความสะอาดง่ายแต่ต้องระวังร่องยาแนวที่เป็นจุดอ่อนของกระเบื้องนะครับ เพราะว่า อาจเกิดคราบ เชื้อรา สิ่งสกปรกสะสมได้หากไม่ดูแล
วัสดุปิดผิวด้านหน้าเคาน์เตอร์
-
- กระเบื้องเซรามิกหรือแกรนิตโต้ : กันน้ำ ทำความสะอาดง่าย ป้องกันการกระเด็นของน้ำมันและอาหาร เพิ่มความสวยงาม
- ปูนเปลือย หรือปูนขัดมัน : ให้ลุคดิบ เท่ ธรรมชาติ เหมาะสำหรับสไตล์ลอฟท์ แต่ต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญเพื่อให้ผิวเนียนเรียบ ไม่แตกร้าวในภายหลังช
วัสดุหน้าบานตู้และลิ้นชัก
-
- ไม้จริง : แข็งแรง สวยงาม
- ไม้อัดเคลือบเมลามีน : ทนความชื้น เหมาะกับงานครัว
- ไม้ MDF ปิดผิวลามิเนต : เลือกสีและลายได้หลากหลาย ดูทันสมัย
เพราะเคาน์เตอร์ครัวก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่เป็นเหมือนแลนด์มาร์คสำคัญของห้องครัว ในการใช้เตรียมอาหาร วางเตา ซิงก์ และของใช้ต่าง ๆ จึงต้องแข็งแรงและทนความร้อน ทนความชื้น ซึ่งสำหรับต่อเติมเคาน์เตอร์ครัวงบ 50000 ถ้าทำแค่เคาน์เตอร์ครัวก็ถือว่าสบายเลยครับ และนอกจากตัวเคาน์เตอร์ครัวที่ตอบโจทย์แล้ว รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ อย่างอุปกรณ์เสริมและฟังก์ชันเพิ่มเติม ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามครับ เพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยให้การใช้งานห้องครัวสะดวกสบายขึ้นอย่างชัดเจน ส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นในทุกวันแน่นอนครับ แนะนำว่าควรวางแผนและเลือกให้ครบ จัดเต็มได้เท่าที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงครับ
ไฟ LED ใต้ตู้แขวน
เพิ่มความสว่างเฉพาะจุดให้เคาน์เตอร์ใช้งานตอนกลางคืนสะดวก มีทั้งแบบเสียบปลั๊กและต่อสายตรง ช่วยให้ห้องครัวดูทันสมัยและประหยัดไฟ งบ 300–800 บาท/ชุด
พัดลมดูดอากาศติดผนัง หรือฮู้ดดูดควัน
พัดลมดูดอากาศติดผนัง หรือฮู้ดดูดควัน อาจติดตั้งไว้บนเคาน์เตอร์เพื่อช่วยลดกลิ่นและควันสะสม ป้องกันคราบไขมันเกาะผนัง ห้องครัวที่ไม่มีทางผ่านให้ระบายอากาศก็จำป็นต้องใช้นะครับ มีตั้งแต่งบเครื่องละ 3,000 บาทขึ้นไปจนถึงหลักหมื่นครับ
ซิงก์ล้างจาน
ซิงก์ล้างจานสแตนเลสมีตั้งแต่แบบแขวนถึงแบบบิวท์อิน 1 หรือ 2 หลุม ควรเลือกแบบลึกพอเหมาะคร่าว ๆ ลึกสัก 20–25 ซม. เน้นทนทาน ไม่เป็นสนิม ทำความสะอาดง่าย ควรติดตั้งก๊อกแบบหมุนหรือแบบดึงยืดได้เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน อย่าลืมติดตะแกรงกรองเศษอาหารเพื่อป้องกันท่อตันด้วยนะครับ ราคาจะเริ่มตั้งแต่ 1,000 บาาทขึ้นไปเลยครับ
การเลือกวัสดุและอุปกรณ์เหล่านี้ทางที่ดีก็ควรพิจารณาจากลักษณะการใช้งานของแต่ละบ้านครับ นอกนั้นก็ให้ดูที่งบประมาณ และสไตล์ที่ชอบ โดยเน้นที่ความคงทน ความสะดวกในการดูแลรักษา และความเหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อให้ครัวของคุณไม่เพียงแค่สวย แต่ยังใช้งานได้ดีในระยะยาวครับ
ต่อเติมเคาน์เตอร์ครัวงบ 50000 จำเป็นต้องหาช่างผู้รับเหมาไหม
ถ้าให้พูดตรง ๆ สำหรับการต่อเติมเคาน์เตอร์ครัวงบ 50000 ในงบเท่านี้ สำหรับบ้านไหนที่ไม่ได้ซีเรียสว่าจะใช้ขนาดแค่ไหน สไตล์ไหน หรือเอาแบบไหนก็ได้ อันนี้ก็สามารถเลือกใช้แบบเคาน์เตอร์ครัวสำเร็จรูปไปเลยก็ได้ครับ แต่นั่นก็จะมายากตรงที่การเดินระบบใหม่ ทั้งท่อน้ำ ระบบไฟฟ้า ตำแหน่งปลั๊ก อย่าลืมว่างานระบบน้ำ-ไฟ หากทำไม่ถูกต้อง อาจเกิดการรั่วซึม ไฟดูด หรือเกิดความเสียหายในระยะยาว ดังนั้นแม้จะทำ DIY บางส่วนก็ยังแนะนำให้จ้างช่างเฉพาะมาทำจุดสำคัญเหล่านี้ครับ
แต่ถ้าสำหรับใครที่ต้องการให้ครบจบ ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะต่อผิดพลาด หรือคอยกังวลว่าระบบน้ำ ระบบไฟจะรั่วไหม อันนี้แนะนำให้จ้างช่างดีที่สุดครับ นอกจากจะได้เคาน์เตอร์ครัวที่สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยแล้ว เราเองก็สามารถออกแบบไปพร้อมกับช่าง ทั้งตำแหน่งปลั๊ก จุดวางท่อน้ำทิ้ง ท่อน้ำดี รวมไปถึงระบบไฟด้วยครับ เพื่อให้ได้เคาน์เตอร์ครัวที่สวยตรงใจ และตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด ไม่ต้องเสียเวลาแก้ไขในภายหลังครับ
ทำไมต้องเลือกต่อเติมเคาน์เตอร์ครัวกับ ADDZestHome
การเลือกผู้รับเหมาที่ไว้ใจได้คือหัวใจสำคัญของการต่อเติมทุกรูปแบบ เพราะไม่ใช่แค่ความสวยงามภายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคุณภาพงาน ความปลอดภัย และอายุการใช้งานในระยะยาว “ADDZestHome” บริษัทรับต่อเติมบ้านที่เข้าใจความต้องการของเจ้าของบ้านทุกคน ที่ต้องการเคาน์เตอร์ครัวที่ทั้งตอบโจทย์การใช้งานและดูแลรักษาง่าย ด้วยประสบการณ์ด้านการต่อเติมโดยเฉพาะ และทีมงานมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในงานครัวโดยตรง ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่า ทุกตารางนิ้วของพื้นที่จะถูกใช้อย่างคุ้มค่าแน่นอนครับ
สิ่งสำคัญที่ทำให้ ADDZestHome แตกต่างคือการใส่ใจในรายละเอียด ตั้งแต่การวางแปลนครัวให้เหมาะกับพฤติกรรมการใช้งาน ไปจนถึงการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพดีในราคาที่สมเหตุสมผล พร้อมทั้งมีบริการให้คำปรึกษาตั้งแต่เริ่มต้นจนงานเสร็จสิ้นอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเบื้องต้น การคำนวณงบประมาณ หรือแม้แต่การเลือกสี กระเบื้อง และดีไซน์ของเคาน์เตอร์ เพื่อให้เจ้าของบ้านได้ครัวที่ตรงใจและไม่บานปลายเกินงบ
ความเป็นมืออาชีพ ความตรงต่อเวลา และความซื่อสัตย์ในการทำงาน คือเหตุผลที่ทำให้เราได้มีโอกาสต่อเติมบ้านมาอย่างยาวนาน พร้อมดูแลทุกขั้นตอนเพื่อให้บ้านของคุณตอบโจทย์การใช้งานและความสวยงาม เรายินดีให้บริการงานต่อเติมบ้านสำหรับบ้านทุกแบบ ทั้งทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว และบ้านแฝด ด้วยประสบการณ์ต่อเติมบ้านกว่า 300 หลัง ทีมงานมืออาชีพของเราพร้อมส่งมอบงานคุณภาพ หมดกังวลกับปัญหาช่างทิ้งงาน พร้อมอัปเดตหน้างานทุกระยะการต่อเติม เจ้าของบ้านสามารถดูความคืบหน้างานได้ผ่านทางไลน์ พร้อมรับประกันหลังการขาย 1 ปี จบทุกปัญหาจุกจิก งบไม่บานปลาย ได้งานตรงปกไม่จกตา เพื่อขอบคุณและตอบแทนที่ให้โอกาสเราต่อเติมครัวหลังบ้านของคุณให้เป็นจริง เพราะสำหรับเรา ทุกการต่อเติมไม่ใช่แค่การเพิ่มพื้นที่ แต่คือการเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับเจ้าของบ้านในทุก ๆ วันครับ